กรมชลประทาน จับมือกรุงเทพมหานคร การประปานครหลวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนรับมือน้ำทะเลหนุนสูงในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม ถึง เดือนพฤษภาคม ลดผลกระทบจากน้ำเค็มรุกแม่น้ำเจ้าพระยา-บางปะกง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้วางแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงวันที่ 28 มีนาคม–3 เมษายน, 4-6 พฤษภาคม และ 19-21 พฤษภาคม 2565 ตามมาตรการควบคุมความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) ให้เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้น้ำในกิจกรรมต่าง ๆ และควบคุมคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม รวมถึง ควบคุมการระบายน้ำผ่านอาคารชลประทานที่สำคัญ อาทิ เขื่อนเจ้าพระยา เขื่อนพระรามหก ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมถึงการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง-เจ้าพระยา ผ่านสถานีสูบน้ำสิงหนาท 2 ให้สอดคล้องกับระดับการขึ้น-ลงของน้ำทะเล
ส่วนที่แม่น้ำบางปะกง ได้ควบคุมความเค็มโดยการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำในลุ่มน้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี ประกอบด้วย เขื่อนคลองสียัด เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนนฤบดินทรจินดา อ่างเก็บน้ำคลองระบม อ่างเก็บน้ำคลองพระสทึง และอ่างเก็บน้ำคลองพระปรง ควบคู่ไปกับการพิจารณาปรับเพิ่มหรือลดการระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาจุดเฝ้าระวังและกำหนดจุดควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง-ปราจีนบุรี เพื่อช่วยเหลือการเพาะปลูกข้าวในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี ปัจจุบันได้ควบคุมค่าความเค็มในลุ่มน้ำบางปะกงที่บริเวณโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา โดยการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำและควบคุมการเปิด-ปิดบานเขื่อนทดน้ำบางปะกง รวมถึงจุดสูบน้ำการประปาส่วนภูมิภาค สาขาปราจีนบุรี และประตูระบายน้ำหาดยาง อำเภอศรีมหาโพธิ์ จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ให้เกิน 1 กรัม/ลิตร ตลอดทั้งปี เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปา และกิจกรรมการใช้น้ำของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้มีการวางแผนเพื่อควบคุมค่าความเค็มตลอดฤดูแล้งนี้ ร่วมกับสำนักการระบายน้ำ (กทม.) การประปานครหลวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ระดับน้ำทะเลหนุนของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนให้มากที่สุด