สำหรับการสำรวจ FTI Poll ครั้งนี้ เป็นการสำรวจความเห็นจากสมาชิก ส.อ.ท. ที่เข้าร่วมประชุมสามัญ ประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 โดยสอบถามสมาชิกเกี่ยวกับข้อเสนอที่ภาครัฐควรเร่งดำเนินการใน 5 เรื่อง ซึ่งมีผู้ตอบแบบสำรวจ จำนวน 460 ท่าน ครอบคลุมผู้ประกอบการจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด มีสรุปผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 16 จำนวน 5 คำถาม ดังนี้
1. ภาครัฐควรดำเนินมาตรการเพื่อรองรับผลกระทบจากราคาพลังงานแพงอย่างไร โดยอันดับที่ ต้องการให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) 68.30% รองลงมา ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า 57.60% การสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร/อุปกรณ์ 55.00% เพื่อการประหยัดพลังงาน การเพิ่มสิทธิประโยชน์ BOI สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานทดแทน 50.90% ให้สามารถยกเว้นภาษีได้ 100% ของเงินลงทุน และ โครงการคืนผลประหยัดไฟฟ้าที่ลดได้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า (Demand Response) 48.50%
2. ภาครัฐควรดำเนินการแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลน และวัตถุดิบแพงอย่างไร อันดับที่ 1 ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต 63.90% รองลงมา ปลดล๊อคเงื่อนไขและโควต้าการนำเข้าวัตถุดิบโดยเฉพาะในวัตถุดิบที่ขาดแคลน 63.00% การควบคุมและดูแลราคาสินค้าไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับราคาเกินจริง 53.50% การสนับสนุนให้ผู้ส่งออกวัตถุดิบขาดแคลนให้มาจำหน่ายภายในประเทศก่อน 46.70% และ สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ 42.40%เพื่อเสริมสภาพคล่องธุรกิจ
3.ภาครัฐควรดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคด้านการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร อันดับที่ 1 ส่งเสริมการพัฒนาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ (Multimodal Transport) 71.10% ในภูมิภาค เช่น ทางราง, ทางเรือ เป็นต้น รองลงมา เร่งการเชื่อมโยงใบอนุญาต/ใบรับรองต่างๆ ของกลุ่มสินค้าหลัก 57.60%ในระบบ National Single Window (NSW) การส่งเสริมและพาผู้ประกอบการออกไปเปิดตลาดที่ไทยมีศักยภาพ 57.20 % การผลักดันการเปิดด่านชายแดนที่ถูกปิดช่วงโควิดและยกระดับด่านชายแดน 54.60%เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้า และผลักดันการใช้เงินสกุลท้องถิ่น (Local currency) ในการค้าขายผ่านชายแดน 27.20%
4.ภาครัฐควรปรับปรุงการบริหารจัดการแรงงาน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างไร โดยอันดับที่ 1 ผลักดันระบบการจ่ายค่าแรงตามทักษะ (Pay by Skill) แทนค่าแรงขั้นต่ำ 71.10% รองลงมาเร่งพิจารณาเปิดการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย 60.00% ให้ถูกต้องตามกฎหมายอีกครัง ขอให้ภาครัฐหารือกับรัฐบาลประเทศต้นทางในระดับรัฐมนตรีเพื่อเร่งรัดการนำเข้า 54.60% แรงงานต่างด้าวภายใต้ MOU โดยเร็ว การปรับลดค่าใช้จ่ายการนำเข้าแรงงานต่างด่าว เช่น ค่าตรวจ COVID-19 51.70% เปลี่ยนการตรวจด้วยวิธี RT-PCR เป็นการตรวจด้วยวิธี ATK, ลดค่าสถานที่กักตัว และลดระยะเวลากักตัว เป็นต้น และ พิจารณาปรับขั้นตอนการเปลี่ยนนายจ้างของแรงงานต่างด้าวภายใต้ MOU 49.80%ให้มีความรัดกุม เพื่อป้องกันการแย่งคนงานระหว่างผู้ประกอบการ
5.ภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการใดเพื่อส่งเสริมการเปิดประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจไทย โดยอันดับที่ 1 สนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีนัยสำคัญต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยว 64.10% รองลงมาปรับกระบวนการออกใบอนุญาต Work permit เพื่ออำนวยความสะดวก 60.40% และดึงแรงงานทักษะสูงเข้ามาทำงานในประเทศ การผ่อนปรนเงื่อนไขและเพิ่มมาตรการจูงใจนักลงทุนศักยภาพให้เข้ามาลงทุน 60.20%และอาศัยในประเทศ (Long Stay)" การเร่งพิจารณายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล (Capital Gain Tax) 53.00% สำหรับธุรกิจ Start up ให้มาลงทุนในไทยมากขึ้น และยกเลิกมาตรการ Test & Go และอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศ 50.00%