รองนายกรัฐมนตรี กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัยลดความเหลื่อมล้ำการถือครองที่ดินให้ประชาชน พร้อมให้เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าจริม จังหวัดอุตรดิตถ์
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาคผาเวียง – ปากนาย ตำบลท่าแฝก อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาไม่มีที่ดินทํากินและปัญหาการถือครองที่ดิน ด้วยการจัดที่ดินทํากินตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) เพื่อช่วยลดความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทํากินและที่อยู่อาศัยลดความเหลื่อมล้ำการถือครองที่ดิน ควบคู่กับพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ในส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ได้กำชับให้คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดิน จังหวัดอุตรดิตถ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนและให้ทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและองค์กรปกครองส่วนทัองถิ่น เพื่อส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ การเข้าถึงแหล่งทุนของประชาชน และการนําแนวทางสหกรณ์มาใช้บริหารจัดการในพื้นที่ คทช.ต่อเนื่อง แล้วสามารถต่อยอดความรู้และพึ่งพาตนเองได้ ขณะที่กรมทรัพยากรน้ํา กรมชลประทาน และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขอให้เร่งรัดดําเนินโครงการแก้ปัญหาแหล่งน้ําสําหรับการอุปโภค บริโภคที่เป็นปัญหาหลักของประชาชนด้วย
ด้าน นางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) กล่าวว่า การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ของ คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าจริม ตําบลท่าแฝก อําเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ รวม 313,125ไร่ เบื้องต้นได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ตามหนังสืออนุญาตให้เข้าทําประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้วกว่า 12,815 ไร่ เพื่อจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล และได้รับมอบพื้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าจริม จากคณะอนุกรรมการจัดหาที่ดินรวมกว่า 12,815 ไร่ ทั้งนี้ กรมที่ดิน ได้ตรวจสอบข้อมูลผู้ครอบครองทําประโยชน์และจัดทําสมุดประจําตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทํากินในชุมชนในลักษณะแปลงรวมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าจริมเสร็จเรียบร้อยแล้ว 691 ราย เนื้อที่ประมาณ 6,928 ไร่ ส่วนที่เหลือ 371 ราย รวม 607 แปลง เนื้อที่กว่า 8,827 ไร่ อยู่ระหว่างตรวจสอบของคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากประชาชนครอบครองที่ดินเกินกว่า 20 ไร่ เมื่อเข้าสู่กระบวนการแล้วเสร็จจะดําเนินการตามแนวทางการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนจากคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป