สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานว่า ค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เช้านี้น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะหลายจังหวัดทางตอนบนของประเทศที่มีค่าฝุ่นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ระดับปานกลาง (สีเหลือง) ไปจนถึงระดับที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง)
โดยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) วันนี้พบจุดความร้อนทั้งประเทศ 259 จุด พบมากที่สุดในพื้นที่เกษตร 114 จุด พื้นที่เขต สปก. 45 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 41 จุด พื้นที่ชุมชนและอื่นๆ 39 จุด พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 17 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 3 จุด
ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ สกลนคร 34 จุด อุดรธานี 28 จุด และ ยโสธร 23 จุด ตามลำดับ
ทั้งนี้ ภาพแสดงให้เห็นจุดความร้อนเกิดขึ้นเล็กน้อยในพื้นที่ภาคกลาง และกระจายตัวเพิ่มขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนพื้นที่ภาคเหนือยังคงพบจุดความร้อนเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกในบางพื้นที่
สำหรับจำนวนจุดความร้อนสะสม ที่พบตั้งแต่ 1 มกราคม – 8 เมษายน 2565 ภาคเหนือมีจำนวนมากที่สุด 13,206 จุด รองลงไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12,455 จุด และภาคกลาง 7,685 จุด
ส่วนจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้าน อันดับหนึ่ง คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว วานนี้ (8 เม.ย.) พุ่งสูงถึง 10,167 จุด รองลงมาอันดับ 2 เป็นสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา 1,935 จุด และอันดับที่ 3 เป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 1,150 จุด ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ pm 2.5 ในประเทศไทย เนื่องจากมีลมพัดฝุ่นละอองและหมอกควันเข้ามาขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ดูแลสุขภาพและสวมใส่หน้ากากอนามัย
“เร็ว ๆ นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น เพราะปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศอย่างมากมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม”