ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
การเมือง / การปกครอง ย้อนกลับ
3 วันสงกรานต์ ตายแล้ว 113 ราย บาดเจ็บ 853 คน
14 เม.ย. 2565

เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 65 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2565 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เม.ย. 65 เกิดอุบัติเหตุ 331 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ราย ผู้บาดเจ็บ 323 คน สถิติอุบัติเหตุสะสม 3 วัน (11-13 เม.ย.65) เกิดอุบัติเหตุรวม 869 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 113 ราย ผู้บาดเจ็บ 853 คน กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานของจุดตรวจและด่านชุมชน เน้นกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2565 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2565 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 331 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 40 ราย ผู้บาดเจ็บ 323 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 30.51 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 30.21 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.36 รถปิกอัพ 7.10

ส่วนใหญ่เกิดบนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.97 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.95 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 75.53 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 17.01 – 18.00 น. ร้อยละ 10.27 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 20 – 29 ปี ร้อยละ 22.59 โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี และเชียงใหม่ (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สมุทรสาคร (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี (15 คน) เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,903 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 56,270 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 413,877 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 79,025 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 22,297 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 20,771 ราย สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 11 – 13 เมษายน 2565) เกิดอุบัติเหตุรวม 869 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 113 ราย ผู้บาดเจ็บ 853 คน

โดยสาเหตุหลักยังคงเกิดจากการขับรถเร็วและการดื่มแล้วขับ ทั้งนี้ พฤติกรรมเสี่ยง ที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ ขอนแก่น และนครศรีธรรมราช (33 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ สมุทรสาคร (6 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (36 คน) จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตรวม 27 จังหวัด

นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบว่า รถจักรยานยนต์เป็นประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด โดยมีสาเหตุสำคัญจากการขับรถเร็ว และพฤติกรรมเสี่ยงที่หลักทำให้เสียชีวิตและบาดเจ็บคือการขับขี่จักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย ส่งผลให้มีอัตราการเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ค่อนข้างสูง ประกอบกับวันนี้เข้าสู่วันที่สองของช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงจุดหมายและท่องเที่ยวในพื้นที่แล้ว ทำให้ถนนสายรองและเส้นทางในชุมชนหมู่บ้านเกิดอุบัติเหตุสูง ศปถ.จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับมาตรการและวางแผนจัดตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เน้นการปฏิบัติงานบนเส้นทางสายรองด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัด โดยเฉพาะบริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์ตามประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เพื่อป้องปรามผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะดื่มแล้วขับและขับรถเร็วในกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ประเทศไทยตอนบนอาจมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ซึ่งสภาพถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงขอฝากเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารยานพาหนะ รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเดินทางมีความปลอดภัย สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือแจ้งเหตุทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...