ถีชีวิตหลังจากเรียนจบที่คนทั่วโลกคุ้นเคย ไม่หางานในบริษัทใหญ่ทำ การสอบเป็นข้าราชการหาความมั่นคงบั่นปลายชีวิต นั่นอาจจะเป็นเพียงค่านิยมในสมัยหนึ่ง แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เหล่านี้ เติบโตมากับการเห็นพ่อแม่ทำงานหนัก และแลกมากับรายได้ที่ไม่สมเหตุสมผล รวมถึงวิถีชีวิตที่ต้องเข้างานเป็นเวลา จะไปเที่ยวหรือพักผ่อนแต่ละทีก็ต้องทำเรื่องลาพักวุ่นวาย ชีวิตที่อยู่ในกรอบกับแลกมาด้วยรายได้ไม่แน่นอน และนั่นอาจไม่ใช่สิ่งจูงใจให้กับคนรุ่นใหม่ในยุคนี้อีกต่อไป
ปัจจุบันในต่างประเทศ เช่นในอเมริกา พบว่ามีคนทำงานฟรีแลนซ์มากกว่า 53 ล้านคน และในปี 2020 อาจมีจำนวนฟรีแลนซ์มากถึง 34% ของคนทำงานทั้งหมด สาเหตุมาจากวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่เห็นความสำคัญของชีวิตส่วนตัวมากขึ้น ให้ความสำคัญกับการบริหารเวลาด้วยตัวเอง รวมถึงความไม่แน่นอนของการทำงานกินเงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้น เพราะเสี่ยงต่อการถูกเลย์ออฟจากความผันผวนของสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
เช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือนในปัจจุบัน หลายคนต้องเผชิญกับปัญหารายได้ไม่พอใช้เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น แต่จะมีวิธีการหรือการลงทุนในรูปแบบไหนบ้างล่ะ ที่จะสามารถตอบโจทย์ชีวิตเพื่อให้สอดรับกับรายได้และค่าครองชีพได้อย่างลงตัว
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หันมาลงทุนรูปแบบของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่า การซื้อคอนโดตกแต่งพร้อมอยู่ แล้วปล่อยเช่า โดยค่าเช่าที่เก็บอาจนำไปผ่อนคอนโดต่อและนำส่วนที่เหลือมาเป็นรายได้อีกหนึ่งช่องทางก็ว่ากันไป แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนจะชอบกลยุทธ์การลงทุนแบบไหน
ซึ่งในสัปดาห์นี้ คัดวิธีเจ๋งๆ ในการเลือกลงทุนคอนโดฯมาฝาก จะเป็นแบบไหนบ้าง และแตกต่างกันอย่างไรและลงทุนแบบไหนจะสร้างกำไรให้เป็นกอบเป็นกำบ้าง
แบบแรก :ลงทุนกับเจ้าของโครงการ (Developer) เรียกว่าวิธีนี้ง่าย และไม่เหนื่อย เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ป้ายแดง ถึงแม้จะเป็นการลงทุนจากกระดาษเพียงใบเดียวก็ตาม แต่สามารถทำกำไรได้เป็นแสน
จุดเสี่ยงของคอนโดมือหนึ่งนั้นก็คือ เสี่ยงว่าโครงการจะสร้างเสร็จหรือไม่ แต่ถ้าเลือกแบรนด์ที่ดี เลือก Developer ที่เชื่อถือได้ ความเสี่ยงจุดนี้คงไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป อย่างไรก็ดี นักลงทุนมือใหม่ ควรหาข้อมูล ศึกษาผลงานเก่าของ Developer รายนั้น ๆ ด้วย
ที่สำคัญ อสังหาริมทรัพย์มีราคาสูงขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 4-5% อาจเป็นเพราะต้นทุนที่ดิน ต้นทุนค่าก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้น ทำให้คอนโดฯมือหนึ่งมีราคาแพงมากขึ้น เป็นไปตามกลไกของตลาดนั่นเอง
แบบที่สอง : ลงทุนในทรัพย์มือสอง คอนโดฯ ที่ถูกเปลี่ยนมือจากเจ้าของคนแรก ไม่ว่าจะมีอายุ ทรัพย์ตั้งแต่ 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี เรียกว่าเป็น “ทรัพย์มือสอง” ทั้งสิ้น จริงๆ แล้วคอนโดฯมือสองที่มีสภาพที่ดี ราคาไม่แพง ยังมีโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าคอนโดมือหนึ่งด้วยซ้ำ
จุดเด่นของคอนโดฯ ยุคเก๋าเก่าเก็บ คือ ราคาต่อตารางเมตร เมื่อเทียบกับคอนโดฯใหม่ในปัจจุบันถูกกว่ามาก อยู่ในทำเลที่ดี แถมได้ห้องขนาดใหญ่กว่าปัจจุบันเสียอีก และเมื่อราคาต้นทุนถูกกว่า อยู่ในทำเลดี ย่อมได้ค่าเช่าใกล้เคียงกันกับคอนโดฯมือหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเทียบผลตอบแทน การลงทุนในคอนโดมือสองย่อมดีกว่ามาก ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง คอนโดรุ่นเก่าไม่ค่อยมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบยัดเยียด เหมือนโครงการคอนโดฯ ในปัจจุบันมากนัก ดังนั้น ค่าส่วนกลางต่อตารางเมตรจึงไม่แพงเหมือนคอนโดใหม่ๆ ในทุกวันนี้
แบบที่สาม:ลงทุนจากการประมูล (Auction) ประมูลเพื่อแข่งขันกันทำราคา ใครให้ราคาที่สูงก็จะได้ทรัพย์ชิ้นนั้นไปครอบครอง โดยปกติทรัพย์จากการประมูลนั้น จะเลือกทรัพย์จาการประเมินราคาทรัพย์ ตีราคาค่าตกแต่งต่อเติมได้ ทรัพย์จากการประมูลก็ถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่สามารถทำกำไรให้ผลตอบแทนได้สูง เพราะต้นทุนเริ่มประมูลจะต่ำกว่าราคาตลาดราว30-50%
แต่อย่างไรก็ดี ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเพราะบางห้องอาจมีปัญหาที่เกี่ยวกับคดีความ ฟ้องร้อง ซึ่งคนส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยนิยมลงทุนคอนโดฯด้วยการประมูลสักเท่าไหร่นัก
จะอย่างไรก็ตาม การลงทุนคอนโดจากเจ้าของโครงการ และ การประมูลทรัพย์ คือ ซื้อมาทำกำไรแล้วก็ขาย ส่วนการลงทุนคอนโดจากทรัพย์มือสองจะเป็นการปล่อยเช่าถือยาว ทั้งนี้ทั้งนี้ ไม่ว่าจะลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบไหนก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับความถนัด ความชอบ ของตัวนักลงทุนเอง สิ่งสำคัญทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นควรศึกษาข้อมูล ทำให้ความเข้าใจทั้งเรื่องของเอกสาร สัญญาต่างๆ ให้ท่องแท้เสียก่อน จากนักลงทุนมือใหม่ ในอนาคตก็จะกลายเป็นนักลงทุนมือทองก็เป็นได้.