ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
สธ.แนะรพ./คลีนิคของรัฐใช้ยาให้เหมาะสมห่วงดื้อยา
30 เม.ย. 2565

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมพัฒนาระบบบริการสุขภาพ ด้านการใช้ยาสมเหตุผลในสถานพยาบาลเอกชน ผ่านระบบออนไลน์ โดยมี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ บุคลากรด้านสาธารณสุขจากส่วนกลาง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด โรงพยาบาลเอกชน และคลินิก เข้าร่วมประชุมทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์

         ดร.สาธิต กล่าวว่า การส่งเสริมการใช้ยาอย่างสมเหตุผล (RDU) ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อลดการเกิดปัญหาเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ และช่วยลดการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา รวมถึงลดการสูญเสียทรัพยากรและค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น โดยปัจจุบันยังคงพบการใช้ยาที่ไม่สมเหตุผลเกิดขึ้นในสถานพยาบาล อาทิ การบริโภคยาปฏิชีวนะรักษาโรคหวัดซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส การใช้ยาซ้ำซ้อนหรือมากเกินความจำเป็น การแก้ไขปัญหาดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากสถานพยาบาลภาครัฐ รวมถึงโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ กว่า 30,000 แห่ง ในการขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการใช้ยาสมเหตุผลให้เกิดขึ้นเป็นระบบงานประจำ ซึ่งจะส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประโยชน์สูงสุดและผู้ป่วยมีความปลอดภัยจากการใช้ยา

         ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศ เรื่อง มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลเกี่ยวกับฉลากบรรจุยา พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่ 17 มีนาคม 2565 กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชนทุกแห่ง จะต้องจัดทำฉลากบรรจุยาให้มีรายละเอียดตรงตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด อาทิ มีการแสดงชื่อสถานพยาบาล ชื่อผู้ป่วย ชื่อสามัญหรือชื่อทางการค้าของยาเป็นภาษาไทย รูปแบบของยา ความแรง จำนวนยาที่จ่ายให้ผู้ป่วย วิธีการใช้ยา สรรพคุณ คำเตือน หรือข้อระวัง หรือข้อห้ามใช้ และวันหมดอายุของยา เป็นต้น โดยประกาศฯ ดังกล่าวกำหนดให้โรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้ ต้องจัดทำฉลากยาให้มีรายละเอียดถูกต้องตามที่กำหนด ภายใน 1 ปี ส่วนคลินิกที่ได้รับอนุญาตก่อนหน้านี้ ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 2 ปี เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับทราบข้อมูลบนฉลากบรรจุยาตามสิทธิของผู้ป่วย ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้ยา

         ด้านนพ.ธเรศ กล่าวว่า กรมสนับสนุนบริการสุขภาพจะร่วมกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในการผลักดันให้สถานพยาบาลเอกชนเข้าถึงแนวทางการพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านการใช้ยาสมเหตุผล รวมถึงประเมินตนเองด้านการใช้ยาอย่างสมเหตุผลผ่านระบบออนไลน์ด้วย สำหรับการประชุมฯ ครั้งนี้นับเป็นช่องทางหนึ่งในการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับสถานพยาบาลเอกชนและคลินิกทั่วประเทศ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านการใช้ยาสมเหตุผล และการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ มาร่วมสร้างความตระหนักรู้และความตื่นตัวให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งนี้ หากสถานพยาบาลทุกแห่งนำความรู้ที่ได้ไปใช้ จะช่วยยกระดับการพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้านยาของสถานพยาบาล ผู้ป่วยได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้ยา ลดการสูญเสียทรัพยากร และสูญเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นได้

 

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 31 มีนาคม 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...