“นายกฯ” ขอบคุณทุกหน่วยงานร่วมดูแลเปิดปท.วันแรกราบรื่น "อนุทิน"เผยคนแห่เข้าไทยคล่องตัว ย้ำจำเป็นโควิดโรคประจำถิ่น ชูนโยบาย “3พอ”
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ติดตามและสนับสนุนการดำเนินงานของหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้การเดินทางเข้าราชอาณาจักร ซึ่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.65 ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ กระทรวงคมนาคมได้รายงานให้นายกฯ ทราบถึงการดูแลผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรทางอากาศยานในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักที่มีการเดินทางเข้าประเทศในขณะนี้ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยพบเพียงจุดบริการบางจุดที่เป็นคอขวดในช่วงมีเที่ยวบินหนาแน่นเช่น จุดตรวจ Thailand Pass ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) หรือทอท. จะได้ประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องจัดเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ประจำจุด เปิดเคาน์เตอร์บริการเพิ่ม และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลให้ผู้โดยสารมีการเว้นระยะห่างระหว่างรอคิวตรวจ Thailand Pass ต่อไป ส่วนบริเวณโถงผู้โดยสารขาเข้าจะไม่มีปัญหาความความแออัด หลังจากยกเลิกข้อกำหนด Test&Go ส่วนการนัดพบระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมที่พักจะมีเฉพาะผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนหรือรับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์และไม่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทางเข้าประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับผู้โดยสารทั้งหมด
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมรายงานว่า ท่าอากาศยานที่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศเข้ามามากนับตั้งแต่รัฐบาลทยอยเปิดประเทศ คือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งในส่วนของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วันที่ 1 พ.ค. มีผู้โดยสารจากต่างประเทศเดินทางเข้า 16,868 คน จาก 96 เที่ยวบิน โดยเกือบทั้งหมดเป็นผู้ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือไม่ได้รับวัคซีน/รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์แต่มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ 72 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง กลุ่มนี้สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ตามปกติ ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน/ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ และไม่มีผลตรวจ RT-PCR 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมีเพียง 11 คน ซึ่งได้เข้าระบบ AQ ตามข้อกำหนดของทางการต่อไป ส่วนท่าอากาศยานภูเก็ต วันที่ 1 พ.ค. จะมีเที่ยวบินระหว่างประเทศขาเข้า 27 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร 4,400 คน โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มที่ต้องเข้าระบบ AQ จำนวน 18 คน ส่วนที่เหลือเข้าประเทศได้ตามระบบปกติ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมรายงานว่าแนวโน้มของผู้เดินทางจากต่างประเทศเข้าประเทศจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังยกเลิก Test&Go โดยข้อมูลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ระบุว่าหลังจากการทยอยเปิดประเทศจนถึงขณะนี้มีเที่ยวบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศของทุกท่าอากาศยานรวมกันอยู่ที่ประมาณ 44,500 เที่ยวบินต่อเดือน เป็นเที่ยวบินในประเทศ 33,500 เที่ยวบิน และระหว่างประเทศ 11,000 เที่ยวบิน พร้อมกับประเมินว่าในปลายปี 2565 จะเพิ่มเป็น 83,500 เที่ยวต่อเดือน เป็นเที่ยวบินในประเทศ 53,000 เที่ยวต่อเดือน เที่ยวบินระหว่างประเทศ 30,000 เที่ยวบิน ซึ่งเข้าใกล้ปริมาณเที่ยวบินในช่วงปี 2562ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19
“นายกฯ รับทราบการดำเนินงานของหน่วยต่างๆ และให้การสนับสนุนในกรณีที่เกิดปัญหาข้อติดขัด พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันเตรียมการทั้งในส่วนของระบบงานและกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อรองรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบให้เป็นไปอย่างราบรื่น” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พ.ค.เป็นต้นมา ว่า สถานการณ์เป็นไปได้ด้วยดี ทางท่านอธิบดีกรมควบคุมโรครายงานว่ามีผู้ลงทะเบียนผ่าน Thailand pass และทยอยเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งขั้นตอนสนามบินเมื่อเข้ามาก็ไม่ติดขัดอะไร มีความคล่องตัว ซึ่งขอให้ผู้ที่เดินทางเข้ามาแล้วตรวจ ATK แล้วแจ้งผลผ่านคิวอาร์โค้ดที่ได้รับ ผ่านไป 2 วันก็ยังโอเคอยู่ อย่างไรก็ตาม เราได้พยายามควบคุมการติดเชื้อที่เราน่าจะผ่านวิกฤตสงกรานต์ไปได้ด้วยดี อัตราเสียชีวิตมีแนวโน้มลดลง ดูจากการใช้เครื่องมือฉุกเฉิน เครื่องช่วยหายใจ ห้องไอซียู ยาต้านไวรัสลดลง ซึ่งเป็นไปในแนวทางที่ดี โดยเรายังเน้นย้ำ 3 พอ คือ หมอพอ เตียงพอ และยาพอ โดยตนได้รับการยืนยันจากแพทย์ ผู้ผลิตยา องค์การเภสัชกรรมว่าทรัพยากรมีเพียงพอ
นายอนุทิน กล่าวถึงการร่วมมือเพื่อให้เป็นโรคประจำถิ่นว่า เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เกิดปกติในประเทศมากที่สุด โดยประชาชนต้องมีความรู้ด้านสุขภาพมากขึ้น(Health literacy) เพื่อให้เราใช้ชีวิตอยู่กับโรคโควิดที่จะเป็นโรคประจำถิ่นให้ได้ ทั้งนี้ ตนมองว่าคำบัญญัติคือ การทำให้เป็นโรคหนึ่ง ที่มีวิธีป้องกัน รู้วิธีทำให้ตัวเองปลอดภัย
"วันนี้เรามีวิกฤตการณ์ค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก ค่าน้ำมัน พลังงานเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขอยากผ่อนคลายความกดดันหลายอย่าง อย่างน้อยถ้าเราดำเนินการให้ประชาชนใช้ชีวิตด้วยมาตรการผ่อนคลายมากขึ้น ให้มีหนทางประกอบอาชีพมากขึ้น เพื่อหาเลี้ยงตัวเองในสภาวการณ์เช่นนี้" นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามถึงการผ่อนคลายในระยะถัดไป ซึ่งยังมีร้านคาราโอเกะ สถานบันเทิงที่ยังรอการผ่อนคลาย นายอนุทิน กล่าวว่า เราต้องเตรียมทุกอย่างด้วยความพร้อม เรายังไม่ได้ประกาศว่าไทยจะเป็นโรคประจำถิ่นในวัน เวลาใด แต่เราใช้การดำเนินชีวิตไปถึงจุดที่เรามีความมั่นใจ อย่างไรแล้วทุกอย่างต้องเร่งผ่อนคลาย หากทุกคนให้ความร่วมมือ ขณะที่ต้องดูว่าผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตอยู่ในกลุ่มใด อย่างทุกวันนี้ 90% ขึ้นไปคือผู้ไม่ได้รับวัคซีน ส่วนที่รับวัคซีนแล้วก็จะไม่เสียชีวิต ดังนั้นเราก็ต้องปฏิบัติให้เป็นโรคที่เราเฝ้าระวังเหมือนโรคอื่นทั่วไป