จิตอาสา ร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ช่วยกันทำความสะอาดจุดผ่านแดน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคลและเตรียมเปิดด่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 พ.ค. 65 จ่าเอก สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ พร้อมด้วย พ.อ.นิสิต สมานมิตร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 3 กกล.สุรนารี กองทัพภาคที่ 2 และ คณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา นำโดยนาย ฮอร์จิน วีระยุทธ นายอำเภออัลลองเวง จ.อุดรมีชัย ราชอาณาจักรกัมพูชา, พ.ท.ไล เม็ง หัวหน้าหน่วยประสานงานชายแดนไทยกัมพูชา พร้อมเจ้าหน้าที่กัมพูชาประจำบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ได้ร่วมล้างทำความสะอาดบริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเปิดด่านผ่านแดนถาวรช่องสะงำแห่งนี้ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด 19
จ่าเอก สมควร สิงห์คำ นายอำเภอภูสิงห์ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล วันที่ 4 พฤษภาคม อำเภอภูสิงห์ได้นำจิตอาสา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ประจำด่านช่องสะงำ ร่วมกันทำความสะอาดจุดผ่านแดนเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อเตรียมการเปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ เพื่อการค้าขาย กระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่ได้ปิดด่านมานาน
“การร่วมกันทำความสะอาด ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำในวันนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเปิดด่านแห่งนี้ ภายใต้มาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ จะส่งผลให้เปิดช่องสะงำได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจ และ การท่องเที่ยวไปด้วยกัน โดยทั้งสองประเทศจะมีการนัดหารือร่วมกันอีกครั้ง ระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ จะเน้นแนวทางการหรือมาตรการควบคุมโรคที่ทั้งสองยอมรับก่อนที่จะเปิดอย่างเป็นทางการต่อไป คาดว่าหลังวันที่ 9 พ.ค.นี้ จะมีข่าวดีเปิดด่านถาวรช่องสะงำแน่นอน” จ่าเอก สมควร กล่าว
ด้าน นาย ฮอร์จิน วีระยุทธ นายอำเภออัลลองเวง จังหวัดอุดรมีชัย กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาได้ร่วมล้างทำความสะอาดบริเวณด่านช่องสะงำ เพื่อสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของคนทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่ชาวกัมพูชาที่ได้รับวัคซีนครบ 4 เข็ม รัฐบาลกัมพูชาอนุญาตให้ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยได้แล้ว สำหรับการเปิดด่านนั้นชาวกัมพูชาต่างสอบถามว่าเมื่อไหร่จะมีการเปิดด่าน ซึ่งหากผ่านพ้นโรคโควิด-19 เข้าสู่ภาวะปกติ น่าจะได้เปิดเพื่อค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ ตลอดจนการท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล และ วัฒนธรรมเพื่อความสัมพันธ์อันดีต่อกัน
ทีมข่าวศรีสะเกษ