นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ผมได้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับแก้ไข ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นำไปบรรจุเป็นวาระ เพื่อเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยจะเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตน โดยเฉพาะกรณีชราภาพสามารถเลือกบำเหน็จ หรือบำนาญ ใช้ค้ำเงินกู้ และขอนำเงินสมทบบางส่วนออกมาใช้ก่อนได้
ขณะนี้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุน หมุนเวียน ที่มี นายอาคม พิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบแล้ว และเตรียมทำความเห็นประกอบเสนอเข้า ครม. ควบคู่ไปกับข้อเสนอของกระทรวงแรงงานภายในเดือน พ.ค. 65 นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้คนกลุ่มนี้มากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงทางเลือกเดียว คือ การได้เงินบำนาญ เพราะเมื่อสถานการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไป ผู้ประกันตนบางคนก็อยากได้เงินก้อนเวลาที่เกษียณแล้ว
สำหรับการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ หรือที่เรียกว่า โครงการ 3 ขอ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพ จากปัจจุบัน ที่กำหนดสิทธิให้อย่างเดียว คือ เมื่อส่งเงินสมทบไปแล้ว 180 เดือนขึ้นไป จะได้เฉพาะเงินบำนาญ แต่โครงการ 3 ขอ มีรายละเอียด คือ
ขอที่ 1 ขอเลือก : เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกันตนมีสิทธิเลือกรับเงินบำนาญชราภาพ หรือเงินบำเหน็จชราภาพได้ เมื่อนำส่งเงินสมทบครบตามเงื่อนไขของการได้รับเงินบำนาญชราภาพแล้ว
ขอที่ 2 ขอกู้ : เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกันตนมีสิทธินำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงินได้
ขอที่ 3 ขอคืน : เพื่อเปิดทางให้ผู้ประกันตนมีสิทธินำเงินกรณีชราภาพที่ตนสมทบอยู่ในกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ก่อนบางส่วน ก่อนอายุครบกำหนดได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นเพื่อพิจารณาข้อกฎหมายในเรื่องนี้เป็นเวลากว่า 1 ปี จนตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว โดยกรณีการใช้เงินชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักประกันการกู้เงินนั้น ตอนนี้กำลังพิจารณาสัดส่วนของวงเงินก่อนว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ โดยจะพิจารณาออกเป็นกฎกระทรวง ให้สามารถนำเงินชราภาพออกมาใช้ก่อน 20-30% เพื่อไม่ให้กระทบต่อการออมในวันที่ผู้ประกันตนชราภาพแล้ว และเม็ดเงินที่ออมไว้หายไป
ขณะที่การขอให้นำเงินกรณีชราภาพที่ผู้ประกันตนได้สมทบไว้ในกองทุนประกันสังคมออกมาใช้ก่อนบางส่วน ก่อนอายุครบกำหนดนั้น จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ผู้ประกันตนในช่วงเกิดวิกฤติได้