ผู้สื่ข่าวรายงานว่า นายชูวงศ์ มณีกุล แกนนำกลุ่มภาคีเครือข่ายไร้ที่ดินทำกิน กล่าวถึงแนวทางในการต่อสู้หลังจากถูกสลายการชุมนุม ว่า กลุ่มของตนได้เข้ามาปักหลักอาศัยอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันหมดอายุสัมปทานของบริษัทยูนิวานิช ม.8 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เพื่อเป็นสัญลักษณ์เรียกร้องให้ทางเจ้าหน้าที่รัฐนำที่ดินหมดอายุสัมปทานทุกแปลงในพื้นที่จังหวัดกระบี่ เกือบ 1 แสนไร่ มาจัดสรรให้แก่คนยากจนไม่มีที่ดินทำกิน หลังจากตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่รัฐยังคงให้นายทุนเก็บเกี่ยว และหาผลประโยชน์อยู่ภายในสวนปาล์มได้โดยไม่มีการดำเนินการใดๆ
แกนนำกลุ่มภาคีเครือข่ายไร้ที่ดินทำกิน กล่าวอีกว่า และเมื่อวันที่ 12 พ.ย .2558ทางเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายประกาศจังหวัดกระบี่ ลงนามโดย นายพินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าฯกระบี่ มาปักที่บริเวณทางเข้าสวนปาล์มที่กลุ่มของตนอาศัยอยู่ และต่อมาในวันที่ 13 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป่าไม้ ทหาร และฝ่ายปกครองรวมกว่า 1,000 นาย ได้เข้าสลายการชุมนุม และทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านในสวนปาล์มหมดอายุสัมปทานของ บ.ยูนิวานิช พื้นที่ ม.5 ม.7 ม.8 และ ม.9 ต.ปลายพระยา อ.ปลายพระยา ได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ ทราบว่าได้มีเจ้าหน้าที่บางคนแอบขโมยทรัพย์สินเงินทองของชาวบ้านที่เก็บไม่ทันกลับออกไปด้วย สร้างความเดือดร้อนซ้ำให้แก่ชาวบ้าน และทราบว่าเจ้าหน้าที่ยังได้ร่วมมือกับคนงานของบริษัทฯ นำเครื่องจักรเป็นรถไถเข้าทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวได้หมดสัมปทานไปแล้ว บริษัทฯ ไม่มีอำนาจทำลายทรัพย์สินใดๆ ของชาวบ้าน หรือแม้กระทั่งเข้าพื้นที่เหมือนกับชาวบ้าน เหมือนกับว่ารัฐสมคบกับนายทุนตั้งใจไล่ชาวบ้าน ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ของรัฐที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างแน่นอน
หลังจากนี้ ก็จะเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐ และนายทุนทำกับชาวบ้าน ร้องขอความเป็นธรรมต่อศาล เพื่อขอให้ศาลพิจารณาถึงการทำหน้าที่ของรัฐว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ที่ทำการสลายการชุมนุมชาวบ้าน แต่กับบริษัทฯ พบว่ายังให้อาศัยดำเนินการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ในพื้นที่หมดสัมปทานอยู่ได้ และบางแปลงหมดอายุแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ปี ก็ยังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้มีการจับกุม หรือผลักดันออกจากพื้นที่แต่อย่างใด เข้าข่ายเลือกปฏิบัติละเว้นการปฏิบัติหน้าที่