เมื่อเวลา 16.30 นวันที่ (13 พฤษภาคม 2565) เจ้าหน้าที่ บก.ปทส.ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานะ กลีบสัตบุศย์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ. ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส. ชุดจับกุมนำโดยทีมของ พ.ต.ท.ประทีป ชูศรี รอง ผกก. 3 บก.ปทส.บช.ก หัวหน้าชุดปฎิบัติการสายตรวจประจำจังหวัดนครราชสีมา ด.ต.ศักดิ์นิกร ใบเพ็ง สถานีตำรวจภูธรโนนสูง พ.ต.อ.สัญชัย พิสัยพันธ์ ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) และชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 และนายนุวรรจ ลีลาพตะ เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) ได้ร่วมกันบุกตรวจค้นภายในบ้านเลขที่ 296 หมู่ 17 บ้านปราสาท ต.ธารปราสาท อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา โดยมีพื้นที่ทั้งหมดรวม 19 ไร่ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าบ้านหลังนี้ทำการลักลอบค้าสัตว์ป่าคุ้มครองหลายชนิด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการล่อซื้อและสนธิกำลังจับกุมในครั้งนี้
เมื่อคณะเจ้าหน้าที่เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว ก็พบนายเคียง พฤฒิจิระวงศ์ อายุ 67 ปี บ้านเลขที่ 1335 หมู่ 1 ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา แสดงตัวว่าเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครอง ซึ่งถูกขังกรงอยู่จำนวนมาก เช่น นกกาฮัง จำนวน 6 ตัว นกเงือกกรามช้าง จำนวน 2 ตัว และลูกเสือโคร่ง จำนวน 2 ตัว นอกจากนี้ยังมีกล่องสำหรับใส่สัตว์ เพื่อส่งขาย และกรงเหล็กขนาดใหญ่ 3 กรง อยู่ในบริเวณบ้านด้วย
สอบถามนายเคียงฯ บอกว่า สัตว์ป่าเหล่านี้ ตนเองซื้อมาจากคนอื่นอีกที โดยคนที่ขายให้อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และนำมาส่งให้ตนที่บ้านหลังนี้ เช่น นกกาฮัง ซื้อมาตัวละ 6,000 บาท นกเงือกกรามช้าง ซื้อมาตัวละ 8,000 บาท และลูกเสือโคร่ง ซื้อมาในราคาตัวละ 150,000 บาท ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ทำการล่อซื้อครั้งนี้ ทั้งนี้จากข้อมูลเบื้องต้น พบว่า บ้านหลังนี้เคยขออนุญาตทำเป็นส่วนสัตว์มาก่อน เมื่อประมาณ 7 ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้รับใบอนุญาต จึงได้ทำการลักลอบซื้อ-ขายสัตว์ป่าคุ้มครองในกลุ่มลับเฉพาะผู้นิยมสัตว์ป่า และทราบว่านายเคียงฯ เคยมีพฤติกรรมลักลอบค้าสัตว์ป่ามานานกว่า 20 ปีแล้ว จนกลายเป็นรายใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันพิจารณาเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของนายเคียงฯกรณีมีการครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด โดยไม่มีหลักฐานการอนุญาตให้ค้า ครอบครอง และเพาะพันธุ์ ของทางราชการ และนำไปประกาศขาย ซึ่งมีความผิดหลายข้อหา ได้แก่ 1.มาตรา 17 ฐาน “มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากอธิบดี” มีอัตราโทษตามมาตรา 92 จำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. มาตรา 29 ฐาน “ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีอัตราโทษตามมาตรา 89 จำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ประกอบมาตรา 112 และ มาตรา 116 แห่งพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562
จึงควบคุมตัวนายเคียงฯเป็นผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดสัตว์ป่าคุ้มครองดังกล่าวข้างต้น พร้อมอุปกรณ์การกระทำผิด นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โนนสูงต่อไป ส่วนสัตว์ป่าคุ้มครอง นกกาฮัง จำนวน 6 ตัว นกเงือกกรามช้าง จำนวน 2 ตัว และลูกเสือโคร่ง จำนวน 2 ตัว เจ้าหน้าที่จะได้นำส่งมอบให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดูแลและเก็บรักษาจนกว่าคดีจะถึงที่สุดต่อไป
ทีมข่าวนครราชสีมา