พ.ต.อ. อำนาจ อ่วมขันท์ เลขาธิการสมาคมกีฬาชักกะเย่อแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สมาคมกีฬาชักกะเย่อฯภายใต้การบริหางานของนายนริส สิงห์วังชา นายกสมาคมฯได้เดินหน้าผลักดันยกระดับกีฬาชักกะเย่อไปสู่ระดับนานาชาติให้มากขึ้น ซึ่งล่าสุด ได้รับการพิจารณาระดับประเทศในกลุ่มอาเซียนหรือที่เรียกว่ากีฬาซีเกมส์ แต่การแข่งขันล่าสุดที่ประเทศเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ทางประเทศไทยได้ผลักดันให้มีการจัดส่งแข่งขัน มีการเจรจากันในระดับสูงรวมถึงในระดับสมาคมฯ แต่ก็ไม่ทันในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งนี้ อย่างไรก็ดีเชื่อมั่นว่าในการจัดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งหน้าที่ประเทศกัมพูชา ประเทศไทยจะส่งกีฬาชักกะเย่อเข้าร่วมแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ได้อย่างแน่นอน และยังมั่นใจว่าสามารถหยิบเหรียญกลับมาประเทศไทยได้อีกด้วย
ปัจจุบันกีฬาชักกะเย่อได้ยกระดับเป็นกีฬาในระดับโลกไปแล้ว โดยในเอเชีย มี3ประเทศหลัก ที่ได้พัฒนากีฬาชักกะเย่อมาหลายปีแล้ว คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งประเทศไต้หวันมีดีกรีเป็นแชมป์โลก และแชมป์ของเอเชีย ส่วนประเทศไทยเองได้จัดตั้งสมาคมฯขึ้นเป็นทางการจริงๆในปี2555 อยู่ภายใต้การดูแลของการกีฬาแห่งประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ในระดับประเทศนั้นได้จัดแข่งขันมาถึง8 ครั้งแล้ว ล่าสุดในปี2563 หลังจากนั้นเกิดวิกฤติโคโรนาไวรัสหรือโควิด-19 ได้งดการแข่งขัน โปรแกรมในปีนี้จะมีขึ้นในหลายสนามด้วยกัน เช่น กีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่37 พัทลุงเกมส์ ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม2565 และยังมีจัดแข่งขันที่จังหวัดนครสวรรค์ และที่แฟชั่นไอร์แลนด์ นอกจากนี้จะส่งเสริมสนับสนุนให้มีการแข่งขันในระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น ชุมชนให้มากขึ้นในอนาคตด้วย
เลขาธิการฯ กล่าวอีกว่า กีฬาชักกะเย่อของไทยขณะนี้มีความพร้อมและพัฒนาไปมากตั้งแต่ก่อตั้งมาก็จะ10ปีแล้วขณะนี้ ซึ่งความจริงทีมชาติไทยเองได้ไปประกาศความแข็งแกร่งในระดับโลกมาแล้ว อย่างน้อย2 รายการ ที่ประเทศเนเธอแลนด์ และประเทศจีน โดยได้เหรียญทองแดงเป็นเกียรติประวัติมาแล้ว ดังนั้นการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งหน้า ทีมชักกะเย่อชาติไทย พร้อมที่จะลงแข่งขันครั้งแรกในระดับอาเซียน ซึ่งทีมนักกีฬาของเราฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องทั้งปี ทั้งประเภทจูเนียร์ รุ่น23 ปี ทั้งหญิงและชาย รุ่นผสม รวมไปถึงการแข่งขันประเภทIndoor และ Outdoor ก็พร้อมทุกรุ่นและทุกประเภท
“เป็นความตั้งใจของนายกสมาคมฯท่านนริส ที่ต้องการที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้หันมาเล่นกีฬาชักกะเย่อกันมากขึ้น แสดงถึงความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รวมถึงพัฒนากีฬาชนิดนี้ไปสู่ในระดับสากลมากยิ่งขึ้นด้วย”