นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูป ด้านสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท.ได้ผลักดัน ร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน โดยมีเนื้อหาว่าให้สภาวิชาชีพสื่อสารมวลชนสามารถออกใบประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนว่า ทางผู้ที่ผลักดันกฎหมายจะต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมถึงต้องมีการออกใบอนุญาต แต่ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะเป็นการครอบงำสื่อ เพราะว่าในประเทศไทยก็มีใบอนุญาตตั้งมากมาย ซึ่งเหตุผลของการมีใบอนุญาตก็เพื่อดูว่าจะการปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามหลักวิชาชีพหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้มีการมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้ประกอบอาชีพนั้นโดยตลอด แค่มาตรวจสอบอีกทีหนึ่งตอนที่ผู้ประกอบวิชาชีพเขามาต่อใบอนุญาต ส่วนต้นสังกัดอยู่ที่ไหน เป็นอย่างไร ก็ไม่มีใครไปดูไปตรวจสอบ ดังนั้นในรัฐธรรมนูญจึงเขียนว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรมีใบอนุญาต
ส่วนอาชีพสื่อสารมวลชนควรมีใบอนุญาตหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ตอบไม่ได้เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดของร่างกฎหมาย แค่พูดตามหลักการเท่านั้น ดังนั้นสื่อมวลชนก็ควรรวมตัวกันเพื่อชี้แจงเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ควรมีใบอนุญาต
นายมีชัย ยังกล่าวต่อถึงองค์ประกอบของกรรมการในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติว่า การให้มีสัดส่วนจากภาครัฐ 2 คน คือปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จากจำนวนกรรมการทั้งหมด 15 คนนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอะไรสำหรับสื่อมวลชน เพราะตัวแทนของภาครัฐถือว่าเป็นเสียงข้างน้อยในสภาวิชาชีพสื่อสารมวลชน ถ้าหากสื่อจับมือรวมเสียงกันก็คงโหวตชนะอยู่แล้ว เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่าสภาวิชาชีพก็คงจะต้องมีคนของรัฐเข้ามาอยู่ด้วยเพื่อจะไม่ให้คนในวิชาชีพกีดกันกันเอง ไม่ออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบอาชีพรุ่นน้อง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องมาดูว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีสภาวิชาชีพขึ้นมา ถ้าหากคิดว่าไม่ควรมีสื่อมวลชน