ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สังคม / บุคคล ย้อนกลับ
เครื่องบินรบเมียนมายังคงบินทิ้งระเบิดใส่ทหารเคเอ็นยูฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอดไม่มีผลกระทบฝั่งไทย
20 พ.ค. 2565

เครื่องบินรบเมียนมายังคงบินทิ้งระเบิดใส่ทหารเคเอ็นยูฝั่งตรงข้ามอำเภอแม่สอดไม่มีผลกระทบฝั่งไทย ส่วนที่อำเภอพบพระ จังหวัดตากผู้หนีภัยการสู้รบจำนวน 138 คนได้เดินทางกลับเมียนมาด้วยความสมัครใจหลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสองอำเภอชายแดนจังหวัดตากยังคงตรึงกำลังเข้ม

สถานการณ์การสู้รบที่แนวชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยง เขตจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยเมื่อเช้ามืดที่ผ่านมาได้มีเครื่องบินรบจำนวน 1 ลำได้ทำการบินวนเหนือแนวชายแดนอำเภอแม่สอด ก่อนมีการทิ้งระเบิดในพื้นที่เชิงภูเขาใส่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าโดยเครื่องบินทำการโจมตีจำนวนสองเที่ยวบินซึ่งเสียงเครื่องบินก็ทำให้ชาวบ้านหลายคนที่กำลังนอนหลับในบ้านติดแนวชายแดนอำเภอแม่สอดชาวบ้านต้องสะดุ้งตื่นเสียงเครื่องบินที่บินต่ำและก็ต้องตกใจกับเสียงระเบิดจากการทิ้งระเบิดจากเครื่องบินรบเสียงระเบิดดังสนั่นเข้ามาถึงตัวอำเภอแม่สอดแต่การโจมตีช่วงเช้าวันนี้ไม่มีผลกระทบต่อฝั่งประเทศไทยและไม่มีผู้หนีภัยการสู้รบข้ามมายังพื้นที่อำเภอแม่สอดแต่อย่างใด 

ส่วนสถานการณ์การสู้รบที่ชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก หลังเมื่อวานนี้ทหารกะเหรี่ยงกองกำลังกะเหรี่ยงเคเอ็นยูชุดกองร้อยเคลื่อนที่เร็วที่ 3 กองพัน 103 กองพลน้อยที่ 6 และกลุ่มพันธมิตรหลายฝ่ายได้บุกเข้าโจมตีทางภาคพื้นดินด้วยการยิงอาวุธและเครื่องยิงลูกระเบิดถล่มฐานที่มั่นของทหารเมียนมากองพันเคลื่อนที่เร็ว 559 บก.ควบคุมยุทธการที่13 ที่ประจำการอยู่ที่ฐานปฏิบัติการหมู่บ้านทิบาโบ อำเภอซูการี จังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านหมื่นฤาชัย หมู่ที่ 5 ตำบลพบพระ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งทหารทั้งสองฝ่ายมีความสูญเสียค่อยข้างมากโดยทหารเมียนมาเบื้องต้นเสียชีวิต10 นาย ส่วนทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูเสียชีวิต 3 นายและได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นายซึ่งตัวเลขความสูญเสียของทหารทั้งสองฝ่ายอาจจะมีมากกว่านี้หากการยิงปะทะยืดเยื้อ ซึ่งการปะทะของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูและฝ่ายพันธมิตรในครั้งนี้เป็นการปะทะเพื่อจะเข้ายึดฐานที่มั่นของทหารกะเหรี่ยงเคเอ็ยยูคืนจากทหารเมียนมาฝั่งตรงข้ามกับชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยทหารเมียนมาได้ใช้เครื่องบินรบสองลำบินทิ้งระเบิดใส่ทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูหลายครั้งจนส่งผลทำให้มีชาวบ้านฝั่งเมียนมาจำนวน 138 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิงซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่สู้รบต้องหนีตายอพยพข้ามมาขอหลบภัยในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวของสำนักสงฆ์บ้านมอเกอร์ไทย หมู่ที่ 1 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ล่าสุดเสียงปืนจากการปะทะเงียบสงบลงตั้งแต่ช่วงเย็นวานจนผู้อพยพจำนวน 138 คนต่างสมัครใจขอเดินทางกลับมาตุภูมิในฝั่งเมียนมาถึงแม้ในพื้นที่ยังคงไม่ปลอดภัยแต่ผู้อพยพทั้งหมดซึ่งทิ้งบ้านเรือนแล้วหนีตายข้ามมาฝั่งไทยทุกคนห่วงทรัพย์สินของมีค่าซึ่งอาจจะสูญหายเนื่องจากไม่มีใครอยู่เฝ้าบ้านในพื้นที่ใกล้แนวยิงปะทะ ซึ่งช่วงเช้าวันนี้ยังไม่มีรายงานเสียงปืนจากการยิงปะทะของทหารทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด ส่วนฝ่ายไทยมีการเพิ่มความเข้มวงดในการลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนอำเภอพบพระ จังหวัดตากอย่างเข้มงวด

ล่าสุดศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดตากรายงานสถานการณ์พื้นที่ชายแดนจังหวัดตากว่าปัจจุบันมีผู้หนีภัยการสู้รบจากฝั่งประเทศเมียนมาข้ามมาหลบภัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวจังหวัดตากจำนวน 3 แห่งจำนวน 551 คน ได้แก่จุดที่1.ที่พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านเซอทะ ต.หนองหลวง อำเภออุ้มผางจำนวน 210 คน จุดที่ 2.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านหนองหลวง ต.หนองหลวง อ.อุ้มผาง จำนวน 200 คน และจุดที่ 3.พื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวบ้านเลตองคุ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก จำนวน 141 คน รวมทั้งหมด 551คน ซึ่งทางการไทยได้ดูแลผู้หนีภัยการสู้รบตามหลักมนุษยธรรมและผู้หนีภัยหลายคนต่างทยอยสมัครใจกลับมาตุภูมิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตากยังได้ขอความร่วมมือประชาชนงดเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบเพื่อความปลอดภัย โดยประชาชนสามารถรับฟังข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงได้จากการแถลงข่าวประจำวัน ของศูนย์สั่งการชายแดนจังหวัดตาก

ทีมข่าว จ.ตาก

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...