นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการยุติธรรมสร้างสุขช่วยเหลือคนไร้รัฐไร้สัญชาติว่า จากนโยบาย "ยุติธรรมสร้างสุข" ที่ต้องการอำนวยความยุติธรรม สร้างโอกาสให้ประชาชนที่เป็นคนไร้สัญชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยฐานะยากจน อยู่ห่างไกลตามแนวชายแดน และขาดพยานหลักฐานสำคัญในการพิจารณาให้สัญชาติ ตนจึงได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ค้นหาและตรวจสอบคนไร้สัญชาติที่ตกสำรวจมาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้ครบถ้วน เพราะจากข้อมูลพบว่ากลุ่มบุคคลตกสำรวจได้ขอขึ้นทะเบียนไว้กับรัฐบาลไทยถึง 479,943 คน
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากที่ตนได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รีบดำเนินการ ทาง นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็ได้รายงานความคืบหน้าว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งลงพื้นที่ในหลายจังหวัด อาทิ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยตรวจพิสูจน์สัญชาติไปจำนวน 224 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม DNA ส่วน จ.แม่ฮ่องสอน ใน อ.สบเมย และ อ.แม่สะเรียง ในเบื้องต้นกระทรวงยุติธรรมได้ช่วยผลักดันมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่บุคคล ที่ผ่านกระบวนการพิจารณาสัญชาติได้แล้วจำนวน 21 ราย
"เรื่องนี้ผมได้สั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษและสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ดำเนินการค้นหาและตรวจสอบคนไร้รัฐไร้สัญชาติที่ตกสำรวจมาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติให้ครบถ้วนที่สุด เพื่อประชาชนจะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย และสามารถเข้าถึงสิทธิของตัวเองได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งจากตัวเลขคนตกสำรวจ 4 แสนกว่าคน ผมก็อยากให้ดีเอสไอทำงานแบบเชิงรุก เพื่อเร่งพิสูจน์สัญชาติให้ได้ครบถ้วนโดยเร็ว เพราะความเดือดร้อนของประชาชนเรารอช้าไม่ได้" รมว.ยุติธรรม กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การช่วยเหลือคนไร้สัญชาติขอให้เชื่อมั่น เพราะดีเอสไอได้สร้างโปรแกรมค้นหาข้อมูลส่วนบุคคล (DSI Smart Search) โดยนำข้อมูลจากระบบของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จากอัตลักษณ์ ซึ่งสามารถค้นหาถึงเครือญาติได้ จากนั้นจะใช้โปรแกรมวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชื่อมโยง โดยจะใช้เป็นหลักฐานส่วนหนึ่งในการพิสูจน์สัญชาติ ทำให้มีความรวดเร็วในการประมวลผลมากกว่าเดิมถึง 12 เท่า และมีความถูกต้อง 100% ซึ่งการตรวจสอบด้วยบุคคลจะต้องใช้เวลา 4 ชั่วโมง แต่นวัตกรรมของดีเอสไอจะใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น.