อิทธิพลพายุฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวันและเข้าสู่ช่วงฤดูฝนเร็ว ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเติมน้ำเข้าเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ 212 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในรอบหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เผยเป็นผลดีในการกักเก็บน้ำไว้ และสถานการณ์น้ำในเขื่อนดีขึ้น ระบุยังสามารถรองรับได้อีกจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายณรงค์ศักดิ์ ปิณฑดิษฐ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เข้าติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว เพื่อเตรียมความพร้อมในการวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับทุกภาคส่วน หลังมีฝนตกในพื้นที่ติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้นมากว่า 200 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดเก็บน้ำ เพื่อส่งให้ประชาชนอุปโภค บริโภค และทำการเกษตร
นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า หลังจากเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝน ซึ่งปีนี้ฝนค่อนข้างมาเร็ว หลายพื้นที่ใน จ.กาฬสินธุ์ และพื้นที่ใกล้เคียงมีฝนตกหนัก และตกติดต่อกันหลายวัน โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลเขื่อนลำปาวรวมทั้งปริมาณน้ำฝนมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยจากข้อมูลสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จนถึงปัจจุบัน 31 พฤษภาคม 2565 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนลำปาวแล้ว 212 ล้าน ลบ.ม.ซึ่งมากกว่าปี 2564 ที่ผ่านมา กว่า 120 ล้าน ลบ.ม.หากเทียบในช่วงเดียวกัน ทำให้ปัจจุบันเขื่อนมีปริมาณอยู่ที่ 734 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 37 % จากความจุอ่าง 1,980 ล้าน ลบ.ม. ส่วนปริมาณฝนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นมาอยู่ 475 มม.มากกว่าปีที่ผ่านมากว่า 200 มม.ซึ่งเป็นผลดีในการกักเก็บน้ำไว้ เพื่อที่จะเตรียมวางแผนบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ส่งให้ประชาชนได้อุปโภค บริโภค และทำการเกษตรต่อไป
นายสำรวย กล่าวอีกว่า สถานการณ์เขื่อนลำปาวในปัจจุบันนั้น ยังคงสามารถรองรับน้ำได้อีกมากกว่า 1,300 ล้าน ลบ.ม.และยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ในพื้นที่ยังไม่มีปัญหาน้ำท่วม โดยในช่วงนี้อยู่ระหว่างการหยุดส่งน้ำเพื่อการเกษตร มาตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 เพื่อดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมคลองส่งน้ำ อีกทั้งเนื่องจากในพื้นที่มีฝนตก ทั้งนี้สำหรับการบริหารจัดการน้ำทางเขื่อนลำปาวจะประชุมเจเอ็มซีร่วมกับทุกภาคส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกลุ่มผู้ใช้น้ำก่อน เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มดำเนินการส่งน้ำให้กับประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่โครงการฯในช่วงปลายเดือนมิถุนายน-ต้นเดือนกรกฎาคม 2565 คาดว่าเกษตรกรจะทำการเพาะปลูกพืช ทั้งนาข้าว พืชไร่ พืชสวน และประมงเต็มพื้นที่ 306,963 ไร่ จากเมื่อช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมามีการเพาะปลูก 274,900 ไร่ อย่างไรก็ตามแม้ปริมาณน้ำจะมีเพียงพอแต่ก็ขอให้ประชาชนร่วมกันใช้น้ำให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์มากที่สุด
ทีมข่าวกาฬสินธุ์