นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สำหรับค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ยืนยันว่า รัฐบาลยังคงดูแลผู้ใช้ไฟที่ไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนประเภทบ้านอยู่อาศัยและประเภทกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือกลุ่มเปราะบางถึงสิ้นปี โดยผู้ใช้ไฟฟ้าดังกล่าวที่จ่ายค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าจากการลดค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่ 0.2338 บาทต่อหน่วย (จ่ายเท่าอัตราเดิมของเดือนมกราคม-สิงหาคม 2565)
โดยปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางดูแลค่าไฟงวดปลายปี ยืนยันว่าหากมีการปรับขึ้นแล้ว จะต้องไม่ปรับขึ้นอีก เพื่อดูแลประชาชนในทุกกรณี โดยเฉพาะดูแลสภาพคล่องของ กฟผ. ให้ช่วยดูแลด้านราคาค่าไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง กฟผ.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจ สามารถจะขอกรอบวงเงินกู้ ภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รัฐวิสาหกิจ เพิ่มเติมได้
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบัน กฟผ.แบกรับต้นทุนเชื้อเพลิงค่าก๊าซธรรมชาติที่นำมาผลิตไฟฟ้า แทนผู้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่งวดกันยายน-ธันวาคม 2564 จนถึงปัจจุบันมีภาระหนี้อยู่ประมาณ 80,193 ล้านบาท หากมีการอนุมัติให้กู้เงินจาก พ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ จากมติเดิมจะมีการอนุมัติกู้เพียง 25,000 ล้านบาท จึงจำเป็นจะต้องขยับวงเงินขึ้น ปัจจุบันจึงอยู่ระหว่างหารือร่วมกัน