นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างชัดเจน ทั้งผู้ป่วยรายใหม่ ผู้ป่วยอาการหนัก และผู้เสียชีวิต จังหวัดส่วนใหญ่เข้าสู่ระยะขาลง (Declining) แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการ ทั้งการเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ ก็ยังไม่มีรายงานการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในคลัสเตอร์นี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting ได้ ขณะที่ระบบสาธารณสุขมีการเตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งเตียง ยา เวชภัณฑ์ มีเพียงพอต่อการให้บริการ อัตราการครองเตียงระดับ 2 และ 3 หรือเตียงสีเหลืองสีแดงต่ำกว่า 10% ซึ่งในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ จึงได้รายงานสถานการณ์ให้ทราบว่าแนวโน้มดีขึ้น และเสนอให้ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์หรือพื้นที่สีทั่วราชอาณาจักร เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขมีการปรับคำแนะนำการเตือนภัยโควิดจากระดับ 3 เป็นระดับ 2 ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การแจ้งเตือนภัยโควิดระดับ 2 มีคำแนะนำการปฏิบัติตัว โดยเน้นในกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ รวมถึงผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบตามเกณฑ์ คือ เข็มกระตุ้น ดังนี้ ให้งดเข้าสถานบันเทิง หลีกเลี่ยงการเข้าสถานที่ระบบปิดหรือแออัด หลีกเลี่ยงการร่วมกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มจำนวนมาก หลีกเลี่ยงโดยสารขนส่งสาธารณะทุกประเภท และเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ ส่วนประชาชนทั่วไปสามารถปฏิบัติตัวใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่แนะนำว่ายังต้องคงมาตรการป้องกันควบคุมโรค 2U คือ Universal Prevention ป้องกันการติดเชื้อด้วยการเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ สวมหน้ากากอนามัย และ Universal Vaccination โดยขอให้ทุกคนมารับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้น เป็นพื้นฐาน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ให้ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมากกว่า 60% ส่วนสถานประกอบการต่างๆ ยังขอให้ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting
“การแจ้งเตือนภัยระดับ 3 มีเรื่องของคำแนะนำให้ทุกคนงดเข้าสถานบันเทิงและเลี่ยงเข้าสถานที่ระบบปิดหรือแออัด แต่ขณะนี้มีการผ่อนคลายมาตรการเปิดสถานบันเทิง และไม่พบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนเพิ่มมากขึ้น จึงปรับระดับการแจ้งเตือนและคำแนะนำการปฏิบัติตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติที่สุด โดยเน้นในกลุ่มเสี่ยง 608 และผู้ที่รับวัคซีนไม่ครบ เนื่องจากผู้เสียชีวิตจากโควิด 19 เกือบทั้งหมดเป็นกลุ่มนี้ จึงแนะนำให้งดและหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง และป้องกันตนเองด้วยการมารับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว