นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายแทนไทร์ พลหาญ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จ.บุรีรัมย์ ลงพื้นที่พบปะเกษตรกรผู้ขอรับบริการฝนหลวง จ.ชัยภูมิบริเวณบ้านท่าหว้า ต.บ้านค่าย อ.เมืองชัยภูมิ ซึ่งพบว่า พื้นที่ขอรับบริการฝนหลวงเป็นพื้นที่ปลูกข้าวนาปี ต้นข้าวสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร ไม่มีน้ำขังในกระทงนาและดินค่อนข้างแห้ง โดยเกษตรกรแจ้งว่ามีฝนตกบริเวณพื้นที่ข้างเคียง แต่บริเวณแปลงนาของผู้ขอรับบริการฝนหลวงไม่มีฝนตกเป็นเวลาหลายวันแล้ว จึงมีความต้องการขอฝนหลวงเพื่อใช้สำหรับการเจริญเติบโตของข้าว นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำและการเพาะปลูกพืชบริเวณ อ.เนินสง่า และ อ.จัตุรัส พบว่า มีการปลูกข้าวนาปีเป็นส่วนใหญ่ ต้นข้าวสูงประมาณ 5-10 เซนติเมตร และเป็นพื้นที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ ดินยังพอมีความชุ่มชื้นอยู่บ้าง มีน้ำขังในกระทงนาเป็นบางส่วน สำหรับในพื้นที่นาดอนส่วนใหญ่ดินค่อนข้างแห้ง รวมถึงบริเวณพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังและอ้อย พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ดินมีความชุ่มชื้นเพียงเล็กน้อย
อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์ความต้องการฝนหลวงดังกล่าว จึงได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างนำข้อมูลมาวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือทันที โดยเมื่อวานนี้ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา ได้วางแผนขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ อ.เนินสง่า อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ทำให้มีฝนตกในบริเวณดังกล่าว รวมถึงพื้นที่บางส่วนของ จ.นครราชสีมา และ จ.บุรีรัมย์ ด้านหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอีก 7 หน่วยปฏิบัติการ ได้ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในภูมิภาคต่างๆ ที่ขาดแคลนน้ำ โดยทำให้มีฝนตกบริเวณพื้นที่การเกษตรบางส่วนของ จ.น่าน อุทัยธานี ชัยนาท นครสวรรค์ กาญจนบุรี สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู สุรินทร์ บุรีรัมย์ จันทบุรี สระแก้ว รวมถึงการทำฝนให้ตกในพื้นที่ลุ่มรับน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และอ่างเก็บน้ำคลองสียัด ทั้งนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะปฏิบัติการฝนหลวงโดยหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอแล้ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร