นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัญหาราคาพลังงานในวันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ทั้งราคาน้ำมันและราคาก๊าซธรรมชาติ ทั้งมีการถกเถียงมาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับทิศทางของค่าการกลั่น ที่รัฐบาลต้องการเก็บกำไรมาเข้ากองทุนน้ำมัน
พรรคสร้างอนาคตไทย เสนอให้นำเรื่องราคาน้ำมันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และการดำเนินชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลยังแก้ปัญหาเป็นส่วน ๆ ยังไม่มีการแก้ไขในเชิงบูรณาการ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ ทั้งปัญหายังลุกลามให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในเดือนธันวาคม (2564) ก่อนเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ราคาน้ำมันดิบอยู่ 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายหลังเกิดสงครามราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นไปถึง 130 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แล้วปรับลดลงมาปัจจุบันที่ระดับ 110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งจากการติดตามข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สถาบันพลังงานระหว่างประเทศ นักวิเคราะห์สถาบันต่าง ๆ หรือนักวิเคราะห์บริษัทสถานการณ์น้ำมันระดับโลก มีความเป็นห่วงว่าระดับราคาอาจปรับขึ้นไปถึงระดับ 150-180 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มิถุนายน (2565) ราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ที่ 110-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รัฐบาลมีภาระหนักในการอุ้มราคาพลังงาน และมีการออกมาตรการเพื่อพยุงสถานการณ์ แต่สิ่งที่พรรคเสนอให้นำเรื่องของราคาน้ำมันเป็นวาระแห่งชาติ เพราะเห็นการดำเนินการของรัฐบาลเป็นการทำงานรายกระทรวง จึงเสนอให้ยกระดับมาตรการเป็นสถานการณ์วิกฤตโดยใช้คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม ร่วมการทำงานเชิงรุก โดยตั้งสมมุติฐานว่าสถานการณ์นี้จะยืดเยื้อไปถึงอย่างน้อยสิ้นปีนี้ และถึงต้นปี 2566 เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว
นอกจากนี้ รัฐบาลจะต้องยกระดับการดำเนินการ ไม่ใช่การมอบให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูแล เพราะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ มีความซับซ้อนในเชิงโครงสร้าง ประชาชนจะต้องมีความเชื่อมั่นกับองค์กรที่จะแก้ปัญหา