กระทรวงพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) จะหารือกับตัวแทนกลุ่มโรงกลั่น 6 โรง ประกอบด้วย 1.บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP 2.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC 3.บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC 4.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP 5.บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และ 6.บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เพื่อเร่งพิจารณาให้จบภายในเดือนมิถุนายน พร้อมนำเงินช่วยเหลือจากโรงกลั่นเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของดีเซล และลดราคาเบนซินอัตรา 1 บาทต่อลิตรช่วยเหลือประชาชนในช่วง 3 เดือนข้างหน้า (กรกฎาคม-กันยายน 2565) หากได้ข้อสรุปแล้วจะไม่ต้องนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีก โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. จะออกประกาศเพื่อเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯต่อไป แต่เบื้องต้นต้องรอผลการหารือให้ได้ข้อสรุปก่อน
รายงานข่าวระบุอีกว่า สำหรับสถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หลังจากขึ้นราคากิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565 และวันที่ 1 กรกฎาคมนี้จะปรับขึ้นอีกเดือนละ 1 บาทต่อ กก. นาน 3 เดือน คือ กรกฎาคม-กันยายน 2565 เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้อุดหนุนราคาจนบัญชีแอลพีจีติดลบสูงเกือบกว่า 3.69 หมื่นล้านบาท การขึ้นแอลพีจีครั้งนี้ ทำให้กองทุนลดเงินอุดหนุนลงเดือนละ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การขึ้นรอบใหม่นี้ ราคาปลายทางจะอยู่ที่ 405 บาทต่อถังต่อ 15 กก. ยังไม่สะท้อนราคาต้นทุนซึ่งอยู่ที่ 450 บาทต่อถัง 15 กก.