นอกจากนี้ แก๊ง Call Center ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน คปภ. ยังขอตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัย และขอเอกสารเกี่ยวกับการเคลมประกันภัยโควิดเพิ่มเติม โดยมุ่งเป้าไปที่ข้อมูลทางการเงิน เช่น เลขที่บัญชีธนาคารพาณิชย์ เลขที่บัตรประชาชน เพื่อให้ผู้เสียหายโอนเงินให้กับแก๊ง Call Center เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในการเคลมประกันภัยโควิดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งแก๊ง Call Center ยังมีพฤติกรรมเหิมเกริม โดยอาสาเป็นผู้ดำเนินการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย แต่ขอให้ผู้เสียหายจ่ายค่าดำเนินการให้ล่วงหน้าก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจทำให้ประชาชนหลงเชื่อ หรือตกเป็นเหยื่อของแก๊ง Call Center เหล่านี้ได้
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีบทบาทหน้าที่ในการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมถึงการให้ความคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัยกับประชาชน ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. โทรศัพท์ไปหาประชาชนเพื่อขอข้อมูลทางการเงินหรือให้การช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ทั้งนี้ได้สั่งการให้สายกฎหมายและคดี ดำเนินคดีร้องทุกข์กล่าวโทษและแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อกลุ่มมิจฉาชีพในทุกกรณีความผิด โดยเฉพาะความผิดที่เข้าข่ายการฉ้อฉลประกันภัย ตามมาตรา 108/5 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2562 ที่ระบุว่า ผู้ใดเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนหรือจ่ายเงินหรือผลประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ การกระทำผิดของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว หากได้รับการติดต่อแอบอ้างเกี่ยวกับการปลอมเอกสารหรือเพื่อช่วยเหลือในการเคลมประกันภัยโควิด โดยมีการขอข้อมูลทางการเงินหรือช่วยเหลือไม่ให้ถูกดำเนินคดีอาญา และแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน คปภ. ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือช่องทางใด ๆ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน และให้รีบแจ้งข้อมูลไปยังสำนักงาน คปภ. โดยตรง ผ่านสายด่วน คปภ. 1186 เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป