นางแว่นฟ้า ทองศรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เปิดเผยว่า สำหรับการจัดงาน “ปากคาดเกษตรเฟสติวัล” 2565 (PAKKHAT FRUIT FESTIVAL 2022) ในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบลปากคาด (อบต.ปากคาด) และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ (อบจ.บึงกาฬ)
โดยทางอบจ.บึงกาฬ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ จึงได้ให้การสนับสนุนงบประมาณการจัดงานในครั้งนี้ร่วมกับ อบต.ปากคาด
เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรมีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น และถือเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนโดยทั่วไปในประเทศได้รู้จักผลิตผลทางการเกษตรของจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากเช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยว
โดยเฉพาะเรื่องผลไม้ อำเภอปากคาดถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการทำสวนผลไม้มากที่สุดของจังหวัดบึงกาฬ และผลไม้ของที่นี่ของมีรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ สามารถแข่งขันและตีตลาดในพื้นที่อื่น ๆ ได้ จึงมีการจัดงานในครั้งนี้ขึ้น
สำหรับงานปากคาดเกษตรเฟสติวัล จะจัดขึ้นในวันที่ 8 – 9 กรกฎาคม 2565 ณ บริเวณลานหน้าศาลาประชาคมบ้านโนนยาง หมู่ที่ 10 ต.ปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ (ติดถนนสาย 212 ปากคาด-บึงกาฬ)
โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบไปด้วย วันที่ 8 ก.ค. 2565 ชมการประกวดผลไม้ ทุเรียน, เงาะ, มังคุด, กล้วยน้ำว้า/ การประกวดธิดาผลไม้/ ส้มตำลีลา/ การแข่งขันเรือพาย (เรือหาปลา)/ แข่งเปตอง และในวันที่ 9 ก.ค. 2565 ชมธิดาแฟนตาซีผลไม้/ เลือกซื้อผลไม้จากสวนเกษตรกรโดยตรง/ เลือกซื้อสินค้า OTOP ของดีอำเภอปากคาด รวมถึงพบกับซุ้มนิทรรศการชมรมควายไทย จากหน่วยงานราชการและภาคเอกชน ฯลฯ
ทั้งนี้ อยากเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้มาชมงาน “ปากคาดเกษตรเฟสติวัล” ประจำปี 2565 เพราะนอกจากจะได้สนับสนุนเกษตรกรแล้วยังได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและได้เรียนรู้เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเกษตร และกิจกรรมภายในงานอีกมากมายด้วย
ขณะที่ นายสยาม เพ็งทอง เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้อาจถือได้ว่าเป็นการนำร่องขึ้นในพื้นที่อำเภอปากคาด ซึ่งถ้ามีผลตอบรับที่ดีก็อาจมีการขยายผลต่อในพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัดบึงกาฬด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้ของบึงกาฬนั้นมีรสชาติที่ดี อร่อย และเป็นเอกลักษณ์จึงเชื่อว่าจะสามารถพัฒนาต่อยอดไปได้ในอนาคตอย่างแน่นอน โดยเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบึงกาฬ เสนอว่าการจัดงานเป็นเพียงจุดเริ่มต้นหนึ่งของการพัฒนา
แต่สิ่งสำคัญก็คือ บึงกาฬมีของดีอยู่แล้ว หากเพิ่มช่องทางการจำหน่ายแบบออนไลน์เข้าไปอีก ก็จะยิ่งเป็นการขยายตลาดและกลุ่มลูกค้ามากขึ้นด้วย