วานนี้ (4 กรกฎาคม 2565) นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพี่น้องประชาชนขอรับบริการฝนหลวงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีปริมาณฝนลดลง ซึ่งจากข้อมูลการขอรับบริการฝนหลวงเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 มีผู้ขอรับบริการฝนหลวง จำนวน 347 แห่ง ครอบคลุม 43 จังหวัด 235 อำเภอ แบ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 236 แห่ง ภาคเหนือ 61 แห่ง ภาคกลาง 32 แห่ง ภาคตะวันออก 17 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีความพร้อมในการรับมือกับช่วงที่ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง โดยการตั้งหน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ จำนวน 10 หน่วยฯ เพื่อปฏิบัติการทำฝนบรรเทาปัญหาภัยแล้งจากการเกิดฝนทิ้งช่วงและช่วยเหลือพื้นที่เกษตรที่กำลังอยู่ในช่วงเพาะปลูก โดยในช่วงเช้าวันนี้พบว่า สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการ จึงวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการทำฝน จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.อุบลราชธานี จ.อำนาจเจริญ จ.ยโสธร จ.ศรีสะเกษ และ จ.ร้อยเอ็ด หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา มีเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตร จ.ชัยภูมิ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ขอนแก่น มีเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำ จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ จ.หนองบัวลำภู และ จ.อุดรธานี โดยหน่วยปฏิบัติการอีก 7 หน่วยฯ จะมีการติดตามสภาพอากาศต่อไป หากเข้าเงื่อนไขก็จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการทันที
สำหรับเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.65) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 หน่วยปฏิบัติการ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ขาดแคลนน้ำบางส่วน จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่เพชรบูรณ์ ชัยนาท อุทัยธานี มุกดาหาร ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
นายสำเริง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะเดียวกันในช่วงวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้
น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวั
นตก จึงอยากขอให้พี่น้
องประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวั
ดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และน่าน เฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินโคลนถล่มด้วย ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงติดตามสถานการณ์สภาพอากาศ การเพาะปลูกและความต้องการของพื
ชทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้
ชิด และขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรทั่
วประเทศร่วมบริหารจัดการแหล่งน้ำ
ของตนเอง ให้เพียงพอต่อการเกษตร อุปโภค บริโภค เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่
อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และพี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติ
ดตามข้อมูลข่
าวสารของกรมฝนหลวงและการบิ
นเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account TikTok : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100
กรมฝนหลวงฯ ขึ้นบินทำฝนช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร เหตุฝนน้อยลง ประชาชนขอรับบริการฝนหลวงเพิ่มมากขึ้น
วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพี่น้องประชาชนขอรับบริการฝนหลวงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากประเทศไทยเริ่มมีปริมาณฝนลดลง ซึ่งจากข้อมูลการขอรับบริการฝนหลวงเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2565 มีผู้ขอรับบริการฝนหลวง จำนวน 347 แห่ง ครอบคลุม 43 จังหวัด 235 อำเภอ แบ่งเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 236 แห่ง ภาคเหนือ 61 แห่ง ภาคกลาง 32 แห่ง ภาคตะวันออก 17 แห่ง และภาคใต้ 1 แห่ง ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีความพร้อมในการรับมือกับช่วงที่ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง โดยการตั้งหน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ จำนวน 10 หน่วยฯ เพื่อปฏิบัติการทำฝนบรรเทาปัญหาภัยแล้งจากการเกิดฝนทิ้งช่วงและช่วยเหลือพื้นที่เกษตรที่กำลังอยู่ในช่วงเพาะปลูก โดยในช่วงเช้าวันนี้พบว่า สภาพอากาศเข้าเงื่อนไขการปฏิบัติการ จึงวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการทำฝน จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.อุบลราชธานี มีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร จ.อุบลราชธานี จ.อำนาจเจริญ จ.ยโสธร จ.ศรีสะเกษ และ จ.ร้อยเอ็ด หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.นครราชสีมา มีเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตร จ.ชัยภูมิ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ขอนแก่น มีเป้าหมายเป็นพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ลุ่มรับน้ำอ่างเก็บน้ำ จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ จ.หนองบัวลำภู และ จ.อุดรธานี โดยหน่วยปฏิบัติการอีก 7 หน่วยฯ จะมีการติดตามสภาพอากาศต่อไป หากเข้าเงื่อนไขก็จะวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการทันที
สำหรับเมื่อวานนี้ (3 ก.ค.65) กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 6 หน่วยปฏิบัติการ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ขาดแคลนน้ำบางส่วน จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่เพชรบูรณ์ ชัยนาท อุทัยธานี มุกดาหาร ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา และเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จังหวัดฉะเชิงเทรา
นายสำเริง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะเดียวกันในช่วงวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น โดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก จึงอยากขอให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา และน่าน เฝ้าระวังการเกิดอุทกภัย น้ำหลาก และดินโคลนถล่มด้วย ทั้งนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงติดตามสถานการณ์สภาพอากาศ การเพาะปลูกและความต้องการของพืชทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด และขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศร่วมบริหารจัดการแหล่งน้ำของตนเอง ให้เพียงพอต่อการเกษตร อุปโภค บริโภค เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และพี่น้องเกษตรกรและประชาชน สามารถขอรับบริการฝนหลวงและติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ที่ช่องทาง Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร Twitter Instagram Line Official Account TikTok : @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100