สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงานแถลงข่าวความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง ประกาศโครงการนำร่องการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy: RE) และ Carbon Credit เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและการรับรองการผลิตไฟฟ้า RE และ Carbon Credit โดยเชื่อมต่อกับ Platform ของ ส.อ.ท. เพื่อให้สามารถใช้เป็นต้นแบบตามแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี และการประยุกต์ใช้ RE ตลอดจนขยายผลการศึกษาและการพัฒนาไปสู่โครงการอื่นๆ ต่อไป เช่น โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ในการตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาของการค้าการส่งออกของประเทศไทยเป็นสำคัญ โดยมี นายนพดล ปิ่นสุภา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ประธานสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายวีรวัจน์ บัวทอง รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและความยั่งยืน การไฟฟ้านครหลวง ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ร่วมประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนโครงการฯ ณ ห้อง PTT GROUP (1012) ชั้น 10 สภาอุตสาหกรรมฯ
นายนพดล ปิ่นสุภา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ประธานสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม กล่าวว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าของระบบพลังงานหมุนเวียนที่ลดลง ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้ามีความต้องการที่จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น อีกทั้งธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่ยังถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น การเกิดขึ้นของตลาดคาร์บอนเครดิต และการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ ดังนั้น ภาครัฐและเอกชนควรที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศให้สอดคล้องกับกติกาโลกใหม่ และบรรลุเป้าหมายการขับเคลื่อนพลังงานทดแทน ให้มีสัดส่วน 30% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งประเทศภายในปี 2030 รวมถึงเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2065 ด้วยเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในการลงนาม “บันทึกข้อตกลงโครงการนำร่องการพัฒนาทางด้านพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต”เพื่อจัดทำฐานข้อมูลและการรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิตโดยเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของสภาอุตสาหกรรมฯ ผ่านโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 โดยการริเริ่มและสนับสนุนจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้สามารถใช้เป็นต้นแบบตามแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีและการประยุกต์ใช้พลังงานทดแทน ทั้งนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการร่วมมือในโครงการนำร่องฯ ระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและการไฟฟ้านครหลวงในครั้งนี้ จะส่งผลให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายตามที่ได้กล่าวมา
นายวีรวัจน์ บัวทอง รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์องค์กรและความยั่งยืนการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า การพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิตดังกล่าว จะมีความสำคัญในการรองรับการเกิดขึ้นของตลาดคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งผลให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนเข้ามาสู่ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวงมากยิ่งขึ้น และมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียนและคาร์บอนเครดิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศให้สอดรับกับนโยบายที่ต้องการเดินหน้าเป้าหมายด้านพลังงานสะอาดและลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นำไปสู่การเพิ่มทางเลือกและช่องทางการเข้าถึงบริการด้านพลังงาน เพื่อให้ประชาชนและกลุ่มอุตสาหกรรมได้ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดมากขึ้น
นายสุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน กล่าวว่า กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการไทยทั้งภาคการผลิตและภาคการค้าที่กำลังจะประสบปัญหากลไกด้านสิ่งแวดล้อมแบบ Non-Tariff Barrier ที่ส่งผลให้ความต้องการการใช้พลังงานหมุนเวียนในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก เกิดธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่มีความหลากหลายและยังมีความท้าทายที่ต้องการการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน การที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง ในครั้งนี้ผ่านโครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 ที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ได้ริเริ่มและสนับสนุนอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถซื้อขายไฟฟ้าข้ามสายส่ง และเปิดการอนุญาตทดลอง กติการูปแบบใหม่ๆ เพื่อทดลองแนวทางที่เหมาะสมที่สามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันกับธุรกิจต่างประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศให้สอดคล้องกับความต้องการสากล โดยโอกาสในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยสู่ยุคสังคมคาร์บอนต่ำ
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า โครงการ ERC Sandbox ระยะที่ 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดการทดสอบทางเทคโนโลยีด้านพลังงานในสภาพแวดล้อมของการใช้งานจริงในพื้นที่และขนาดที่จำกัด อีกทั้งเพื่อกำหนดแนวทางการกำกับดูแลนวัตกรรมด้านพลังงานทั้งในรูปแบบเปิดกว้างและแบบมุ่งเป้าในด้าน Green Innovation และ Green Regulation ทั้งนี้จะทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบธุรกิจการให้บริการทางด้านพลังงานแบบใหม่ ที่จะนำไปสู่การเพิ่มทางเลือกและช่องทางการเข้าถึงบริการด้านพลังงาน ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าในราคาต่ำลง ช่วยลดมลพิษจากการผลิตไฟฟ้าด้วยการจัดการแบบใหม่และการใช้พลังงานสะอาด
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ได้กล่าวถึงนโยบายของ สอวช. และการสนับสนุนการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการโดยแบ่งเป็น 6 หลักสูตรคือ 1. Design Principle: Passive & Active Design 2. Energy Efficiency 3. Renewable Energy 4. 3R + 1W + 1C 5. Carbon Credit Certificate 6. Carbon Credit/RE Platform ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคม 2565