ที่สวนศักดิ์ศรี ที่มีการปลูกทุเรียนบนพื้นที่ 25 ไร่ มากว่า 17 ปี รวมทุเรียนสายพันธุ์อื่นๆ กว่า 400 ต้น โดยมีทุเรียน 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์มูซังคิง พันธุ์โอวฉีหรือหนามดำ และพันธุ์ยาวลิ้นจี่ สวนศักดิ์ศรีเป็นสวนเกษตรอินทรีย์ผลิตทุเรียนปลอดสารพิษและได้รับมาตรฐานรับรอง GAP ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพและราคาของทุเรียนให้เพิ่มสูงขึ้น โดยเน้นการทำตลาดออนไลน์ และบางส่วนจำหน่ายใน Tops Supermarket อีกทั้งจำหน่ายต้นกล้าทุเรียน ราคาต้นละ 100 บาท ส่งจำหน่ายทั่วประเทศได้ปีละ 60,000-80,000 ต้น ปัจจุบันสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด รวมทั้งได้จำหน่ายทุเรียนแช่แข็งให้กับนักท่องเที่ยว และเตรียมขยายการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคต สำหรับทุเรียนของเบตง ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากพื้นที่อื่น คือ มีสีเหลืองแห้ง กลิ่นหอมเฉพาะ และรสหวานจัด
คุณศักดิ์ศรี สง่าราศี เปิดเผยว่า ทุเรียนสายพันธุ์ เหมาซานคิงหรือ มูซังคิงส์ ที่ปลูกอยู่ในสวน ใช้สารเคมีน้อยมากสำหรับสวนทุเรียนสายพันธุ์ เหมาซานคิง และสายพันธุ์อื่นๆ ของตนเองนั้น เป็นสวนแบบเกษตรอินทรีย์ ผสม ปุ๋ยเคมีโดยใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ และใช้น้ำสะอาดที่ไหลจากยอดเขาสันกาลาคีรี โดยได้ต่อท่อน้ำมาลงที่สระน้ำที่เลี้ยงปลานิลและนำน้ำจากการเลี้ยงปลามาใช้ในรดน้ำในการเพาะปลูกสายพันธุ์ทุเรียนและต้นไม้อื่นๆ ซึ่งน้ำที่ได้จากมูลปลานิลนั้นเป็นปุ๋ยชั้นดี และเมื่อทำการเก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้วก็จะทำการตัดหญ้าตามโคนต้นทุเรียนและผลไม้อื่นๆ แล้วจึงค่อยใส่ปุ๋ยเคมีและจะใช้ปุ๋ยอินทรีย์ใส่ จึงกล้าที่จะรับประกันความปลอดภัย และความอร่อย
สวนศักดิ์ศรีเป็นสวนที่ปลูกทุเรียนสายพันธุ์ เหมาซานหวาง หรือ เหมาซานหว่อง หรือที่เรารู้จักกันมานานในนาม "มูซังคิงส์" (Musang King) เป็นสายพันธุ์หลัก ที่บรรดานักชิมชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ บอกว่า ต้นตำหรับความอร่อยอยู่ที่เบตง เมื่อได้ลิ้มลองแล้วต้องบอกต่อ และต้องกลับมาลิ้มลองอีก ทุเรียนสายพันธุ์มูซังคิงส์ เป็นที่นิยมบริโภคกันในประเทศมาเลเซีย จีน ไต้หวัน และอีกหลายประเทศ
เกษตรกรรุ่นใหม่อย่างคุณศักดิ์ศรี ที่มีแนวความคิด เรื่องการบริหารจัดการเกษตรในเชิงธุรกิจสมัยใหม่ ทำให้เห็นว่าเกษตรก็สามารถทำเป็นธุรกิจได้ โดยไม่ต้องลงทุนที่สูงมาก หรือทำได้คนเดียว แต่ได้นำจุดเด่นของพื้นที่มาสร้างจุดขาย โดยวันนี้ได้มาพูดคุยกับ คุณศักดิ์ศรี สง่าราศี เจ้าของสวนทุเรียน ทุเรียนมูซังคิงส์เบตง ที่คิดเปิดเส้นทางส่งออกทุเรียนแช่แข็ง ที่มีมูลค่าน้อยให้มีมูลค่าสูง
คุณศักดิ์ศรี เปิดเผยอีกว่า ได้ศึกษาและค้นหา วิธีการแปรรูปทุเรียนแบบ Freeze Dry เพื่อดึงความชื้นออกจากเนื้อทุเรียน สำหรับทุเรียนแช่แข็งต้องแช่อยู่ที่อุณหภูมิ -60 องศาฯ เนื่องจากผลไม้ทุกชนิดจะมีน้ำในตัว ฉะนั้นจะต้องทำให้น้ำกับเนื้อไม่แยกออกจากกัน ด้วยการใช้อุณหภูมิ -60 องศาฯ แต่ถ้าอุณหภูมิไม่ถึงเซลล์จะแตกออกจากกัน น้ำกับเนื้อจะแยกกัน รสชาติก็จะไม่อร่อย โดยต้องรักษาอุณหภูมิในตู้แช่แข็งอยู่ที่ -60 องศาฯ ทำให้เนื้อทุเรียนสดกลายเป็นเนื้อทุเรียนแช่แข็ง รสชาติเนียน ถือเป็นจุดขาย และในปีนี้ได้คัดทุเรียนที่รูปทรงไม่เต็มใบ แต่ลักษณะของเนื้อทุเรียนไม่แตกต่างจากทุเรียนที่สวย โดยผลทุเรียนจะมีผลที่บดเบี้ยวบ้าง โดยทางสวนได้จำหน่ายกล่องละ 1,500 บาท โดยบรรจุจนเต็มกล่องในกล่องจะบรรจุอยู่ที่ 4 – 5 ลูก น้ำหนักอยู่ที่ 6 – 8 กิโลกรัม โดยเฉลี่ยแล้วแต่ว่าจะยัดใส่ในกล่องได้กี่ลูก จะอยู่ที่กล่องละ 1,500 บาท จะเรียกว่า กล่องสุ่มทุเรียนมูซังคิงส์เบตง คือลุ้นว่าจะได้กี่กิโลกรัมในแต่กล่อง เพื่อทำมาจำหน่ายในเบตงและผู้ที่สนใจ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเบตงที่ไม่ใช่ฤดูกาลทุเรียน เพื่อให้นักท่องเที่ยวจะได้มีโอกาสได้ชิมทุเรียนสายพันธุ์ ทุเรียนมูซังคิงส์ นอกฤดูกาลทุเรียน
ส่วนผู้ที่สนใจต้นกล้าพันธุ์ทุเรียน มูซานคิง โอวฉี หรือหนามดำ ทุเรียนเบตง สามารถ ติดต่อได้ที่ สวนศักศิ์ศรี โทร.0980162806 - 0988714889 หรือเฟซบุ๊ก กลุ่มทุเรียนเบตง