นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กรณีการจัดสร้างแหล่งท่องเที่ยวและแลนด์มาร์กแห่งใหม่ใน จ.ภูเก็ต ว่า อบจ.ภูเก็ต มีแนวคิดที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวและแลนด์มาร์กแห่งใหม่ให้ จ.ภูเก็ต เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวคนไทยที่ยังมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่เคยมาเที่ยว จ.ภูเก็ต จึงได้กำหนดจุดสร้างแลนด์มาร์กไว้ 2 จุดด้วยกัน คือ สะพานกระจก บริเวณเขาแดง หมู่ 6 ต.ราไวย์ อ.เมือง และระเบียงกระจกที่หาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล ซึ่งทั้ง 2 จุดนี้ อบจ.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำการศึกษาออกแบบรายละเอียดของโครงการไปพร้อมๆ กับการขอใช้พื้นที่สาธารณะกับทางจังหวัดภูเก็ต และกรมป่าไม้ ซึ่งขั้นตอนนี้จะแล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนการออกแบบนั้นจะแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย.65 นี้ตามสัญญาจ้าง
“ทาง อบจ.ได้ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษานำเสนอรูปแบบของสะพานกระจกที่บริเวณเขาแดง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ตำบลราไวย์ ในการนำไปปรับปรุงในส่วนของการออกแบบต่อไป โดยในเบื้องต้นนั้นคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณในการลงทุนกว่า 250 ล้านบาท” นายเรวัต กล่าว
นายเรวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า เชื่อว่าเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จจะกลายเป็นแลนด์มาร์กที่ดึงนักท่องเที่ยวมาเที่ยว จ.ภูเก็ต และจะเป็นการสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ต.ราไวย์ และ จ.ภูเก็ต เพราะสะพานกระจกแห่งนี้จะถูกออกแบบให้มีความสวยงาม ตืjนเต้น และหวาดเสียว สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม
ด้านนายณัฐฉัตร ฮึงวัฒนากุล ผู้จัดการโครงการออกแบบสะพานกระจก กล่าวว่า การออกแบบสะพานกระจกแห่งนี้ ในเบื้องต้นได้ออกแบบไว้ 3 รูปแบบด้วยกัน คือ สไตล์ซิโนโปรตุกีส ไข่มุกแห่งอันดามัน และประตูสู่อันดามัน ซึ่งรูปแบบที่มีความเหมาะสมและสอดรับกับสภาพพื้นที่มากที่สุด คือ ประตูสู่อันดามัน โดยมีแนวคิดการออกแบบภาพลักษณ์อาคาร เป็นการส่งเสริมให้โครงการนำพาเมืองภูเก็ตไปสู่สายตาชาวโลก คล้ายการโบยบินอย่างมีอิสรภาพ จึงได้นำแนวคิดความพลิ้วไหวของปีกนักอินทรีมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบที่ดูเบาและโปร่ง มีส่วนที่เป็นช่องลม รู้สึกเบาสบายของโครงสร้าง เพื่อเปิดมุมมองสู่ทะเลอันดามัน พร้อมโบยบินไปสู่โลกกว้างที่มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ รองรับการใช้งานได้หลากหลาย
โดยเป็นทางเดินลอยฟ้า หรือ Sky Walk ที่ตื่นตาตื่นใจและหวาดเสียว เป็นสะพานกระจกที่ยื่นออกไปจากหน้าผาประมาณ 10 เมตร และยกระดับให้สูงจากระดับทางเดินขึ้นไปอีก เพื่อให้เกิดความหวาดเสียว สามารถรองรับได้ครั้งละ 50 คน และพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ทั้งในส่วนของลานกิจกรรม พื้นที่สำหรับชุมชน ห้องประชุม และพื้นที่บริการนักท่องเที่ยวต่างๆ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณในการลงทุนประมาณ 250 ล้านบาท โดยการออกแบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จและส่งมอบงานให้กับ อบจ.ภายในเดือน พ.ย.65 นี้
อย่างไรก็ตาม จากการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ประชาชนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น เห็นด้วยกับโครงการที่จะเพิ่มจุดท่องเที่ยวในพื้นที่ราไวย์ แต่อยากจะให้เพิ่มจุดที่สร้างความตื่นตาตื่นใจและหวาดเสียวเพิ่มขึ้น ซึ่งข้อคิดเห็นทั้งหมดทางบริษัทจะนำไปปรับปรุงการออกแบบใหม่มานำเสนออีกครั้งในช่วงปลายเดือน ส.ค.65 นี้.