รร.อนุบาลสังขละบุรี ประสบความสำเร็จในการจัดโครงการอาหารกลางวันโดยยึดแบบThai school lunch ภายใต้งบประมาณอุดหนุนรายละ21 บาท ได้รับคำชื่นชมจากผู้ปกครอง เน้นความโปร่งใส นักเรียนได้ประโยชน์
โรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ดำเนินโครงการอาหารกลางวันโดยยึดแบบของสพฐคือทำตาม thai school lunch ซึ่ง เป็นระบบที่ช่วยให้โรงเรียนสร้างเมนูอาหารกลางวันขึ้นได้เอง หรือให้ระบบจัดสำรับอาหารให้อัตโนมัติ จากข้อมูลเมนูอาหารในระบบที่มีมากกว่า 1,000 ชนิด โดยระบบสามารถคำนวนคุณค่าสารอาหารจากสำรับที่จัดขึ้น และคำนวนปริมาณของวัตถุดิบในการจัดซื้อแต่ละครั้งได้ ทำให้สามารถประมาณค่าใช้จ่ายได้ล่วงหน้า และสรุปค่าใช้จ่ายจริงตามราคาวัตถุดิบในแต่ละท้องถิ่น
นอกจากนี้ตัวระบบของ Thai School Lunch ยังมีการเชื่อมโยงกับระบบ KidDiary ทำให้ครอบครัวของนักเรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางโภชนาการและพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้ รวมถึงมีการเชื่อมโยงกับเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ เพื่อบริหารจัดการผลผลิตให้กับโรงเรียน เป็นการส่งเสริมอาชีพให้กับชุมชนได้อีกทางหนึ่ง
ผลจากการดำเนินงานที่ผ่านมาสร้างความพึงพอใจให้นักเรียน และผู้ปกครองจนได้รับคำชื่นชม ตลอดมา ภายใต้งบประมาณเงินอุดหนุนรายละ 21 บาท จากเทศบาลตำบลวังกะ ขณะที่สินค้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โรงเรียนบริหารจัดการอย่างไร เพื่อให้นักเรียน 1,630 คน ได้รับอาหารกลางวันดี มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน เป็นคำถามที่หลายๆคนอยากรู้
โดยวันนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เดินทางไปพบ นายพีระฉัตร เคียงน้อย ผอ.รร.อนุบาลสังขละบุรี เพื่อหาคำตอบ เบื้องต้น ผอ.เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รร.อนุบาลสังขละบุรี จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล-ป-6 มีนักเรียนทั้งหมด 1,630 คน โดยมีนักเรียนส่วนหนึ่ง 104 คนเป็นมุสลิม
สำหรับโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน ได้นำระบบThai school lunch ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ) มาปรับใช้ เพื่อช่วยในเรื่องการจัดทำเมนูอาหารกลางวัน ที่ถูกหลักอนามัย และถูกหลักโภชนาการ ที่เด็กๆต้องการในการพัฒนาทั้งกายภาพและสติปัญญา
ซึ่งแต่ละวัน โรงเรียนจะจัดประกอบอาหารกลางวันโดยมีข้าว กับข้าว วันละ2อย่าง ผลไม้หรือขนมหวาน สลับกันให้นักเรียนได้รับประทาน โดยคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพและปลอดภัย มาประกอบอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ในสถานที่ที่สะอาดได้มาตรฐาน
โดยนำงบเงินอุดหนุนที่ได้รับจากท้องถิ่น รายละ 21 บาท มาจัดสรรเป็นค่าจ้างแม่ครัว 1 บาท ค่าก๊าซหุงต้มและค่าเครื่องปรุง 2 บาท เหลือ18 บาท สำหรับค่าวัตถุดิบ โดยจะพยายามเน้นวัตถุดิบในพื้นที่ เช่นผัก ผลไม้ ที่ชาวบ้านหรือผู้ปกครองปลูกในพื้นที่เพื่ออุดหนุนผู้ปกครองและทำให้วัตถุดิบได้ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด
ปัจจุบันมีการจ้างแม่ครัว 10 คนมาทำอาหารให้เด็กนักเรียนโดยเปิดรับผู้ปกครองเด็กที่ไม่มีงานทำ เพื่อช่วยให้มีรายได้
ส่วนเด็กนักเรียนที่เป็นมุสลิม 104 คน ก็จะมีการจัดการเรื่องอาหารให้ตามหลักศาสนาและความเชื่อของชาวมุสลิมโดยมีผู้ปกครองของเด็กๆมาเป็นแม่ครัวเพื่อประกอบอาหารให้นักเรียน โดยได้ทำการแยกภาชนะ และพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนต่างหาก ทั้งหมดที่โรงเรียนดำเนินการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาโรงเรียนยึดผลประโยชน์ของนักเรียนเป็นที่ตั้ง จึงได้รับคำชื่นชมจากผู้ปกครองและความพึงพอใจจากนักเรียนทุกคน
ขณะที่ปัจจุบันสถานการณ์โควิต-19 กลับเริ่มกลับมาระบาดอีกครั้ง ตามการประกาศให้เฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารของ สพฐ.แม้ว่าขณะนี้ในพื้นที่อำเภอสังขละบุรียังไม่พบการระบาด แต่การป้องกันในโรงเรียนได้เตรียมรับมือด้วยการแบ่งช่วงเวลาในการรับประทานอาหารของนักเรียน เพื่อลดความแออัด
โดยในเวลา 11.00 น.จะเป็นระดับชั้น ป1-ป4 ส่วนเวลา 13.30-12.00 น ระดับชั้น ป5-ป6 ขณะที่ระดับอนุบาลจะจัดให้รับประทานในอาคารเรียนของอนุบาล และจะมีการแยกภาชนะ จาน ช้อน แก้วน้ำ เป็นของแต่ละบุคคล รวมทั้งให้นักเรียนดูแล ทำความสะอาดด้วยตัวเองภายใต้การดูแลของคุณครู
ขณะที่ ด.ญ อภิสรา สดชื่นไสว นร.ชั้น ป 6 / 4 เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในแต่ละวันโรงเรียนทำอาหารให้ไม่ซ้ำกัน มีทั้งแกงและผลไม้หรือขนมหวาน ให้ได้กินซึ่งเป็นอาหารที่ดีมีโภชนาการครบ 5 หมู่ ส่วนตัวตนเองชอบแกงจับฉ่ายและไก่ทอด การได้รับอาหารที่ดี มีคุณค่าตามหลักโภชนาการช่วยส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาการทางสมองของตนเองและเพื่อนๆทุกคน
ทีมข่าวกาญจนบุรี