ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลด้านประสานการมีส่วนร่วมให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเข้าไปสัมผัสกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งวัฒนธรรมด้านศาสนา ประเพณี และอาหารประจำท้องถิ่น รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และมุ่งมั่นที่จะแสวงหาช่องทางในการชูความโดดเด่นของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกสู่สายตาคนไทยต่างพื้นที่ ต่างภูมิภาครวมทั้งชาวต่างชาติ เพื่อจูงใจให้มีการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล
ดร.รัชดา กล่าวว่า รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างทั่วถึง แต่เพราะจังหวัดชายแดนภาคใต้มีเรื่องความความรุนแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบ ทั้งที่เป็นพื้นที่แห่งโอกาสในการพัฒนาศักยภาพในทุกด้านด้วย เพราะพื้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของสังคมพหุวัฒนธรรมที่ประชาชนต่างศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข รวมทั้งการท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ซบเซามานาน จากสถานการณ์ความไม่สงบ วันนี้สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มดีขึ้น เหตุการณ์ความไม่สงบมีแนวโน้มลดลง จากนโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะการน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” เข้ามาแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง เมื่อผลการแก้ปัญหาด้านความมั่นคงเห็นผลในเชิงประจักษ์ไปแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าในการกำหนดนโยบายและจัดสรรงบประมาณเข้ามาในพื้นที่โดยมุ่งเน้นด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างรายได้ โอกาส และรอยยิ้มของความสุขให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเต็มที่
ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22-23 กรกฎาคม 2565 ที่ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลด้านประสานการมีส่วนร่วมลงพื้นที่มาเยือน คือ การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เมืองนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ที่ร้อยเรียงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดนราธิวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันผ่านนิทรรศการ จำนวน 18 ห้อง ที่ทำให้รู้จักจังหวัดนราธิวาสในเชิงลึกในทุกด้าน อาทิ ห้องนราฯเปี่ยมสุขเพราะบารมี ที่จะแสดงเรื่องราวถ่ายทอดสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและความภาคภูมิใจของชาวนราธิวาสที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และพระบรมมาวงศานุวงค์ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนราษฎร และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ห้องภูมิชน-ชาติพันธ์ุ จัดแสดงเรื่องราวความหลากหลายทางชาติพันธ์ุ ศาสนาที่เข้ามาในจังหวัดนราธิวาส ทั้งกลุ่มออรังอัสลี ชาวมลายู ชาวสยาม ชาวจีน ชาวอินเดีย ชาวปากีสถาน ห้องภูมิธรรมเรื่องราวทางศาสนา ศาสนสถาน ศาสนบุคคลทางศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู รวมทั้งความเชื่อ
ได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกรุอาน โรงเรียนสมานมิตรวิทยา ต.ละหาร อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ที่ทำให้เปิดโลกแห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์คัมภีร์อัลกรุอานที่มีอายุ 150-1,100 ปี สถานที่แห่งนี้จึงเปรียบเสมือนแผนที่ทางวัฒนธรรมที่พาผู้ชมย้อนเวลาไปยังอาณาจักรต่างๆในโลกมุสลิม และในอนาคตพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมของชาติในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคัมภีร์อัลกรุอานและมรดกวัฒนธรรมอิสลาม ได้ไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์จากศาสนสถานสำคัญ ใน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา คือ วัดเกาะอภินิหาร หรือวัดกุหร่า ที่แม้จะปัจจุบันจะเป็นวัดร้าง แต่ปรากฎร่องรอยหลักฐานโบราณสถาน ที่เป็นอุโบสถเก่าซึ่งคาดว่าสร้างขึ้นในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตั้งอยู่บนเส้นทางสัญจรที่ผู้คนในสมัยนั้นใช้เดินทางไปมาระหว่างเมืองไทรบุรีและอาณาจักรสยาม โดยถูกขึ้นทะเบียน “โบราณวัตถุสถานทั่วราชอาณาจักร” ที่นี่ประดิษฐานสถูปบรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวดลิ้นดำ วาจาสิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง
และอีกแห่งหนึ่ง คือ วัดถ้ำตลอด พุทธสถานที่เชื่อกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุทธก่อนปีพุทธศักราช 2219 เป็นพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์ผสมผสานศิลปกรรมอยุธยาและศิลปะพื้นถิ่นภาคใต้ โดยถ้ำมี 3 คูหาได้แก่ ถ้ำทวดหยัง ถ้ำมหาอุด และถ้ำระฆัง มีพระพุทธรูปเก่าแก่สร้างด้วยไม้โบกปูนซีเมนต์มีอายุหลายร้อยปีและมีหินปูน หินงอก หินย้อยวิจิตรตระการตา
นอกจากนี้ รองโฆษกรัฐบาลยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมแหล่งกำเนิดต้นกาแฟโบราณโรบัสต้า ตำบลเขาแดง อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นต้นกาแฟโบราณสายพันธุ์โรบัสต้าที่ขึ้นอยู่ริมเชิงเขาบริเวณรอบๆถ้ำคอก ที่ถือเป็นแหล่งกำเนิดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า มีอายุกว่า 300 ปี อีกทั้งในอดีตได้มีการเล่าต่อๆกันว่าสถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่นั่งวิปัสนากรรมฐานของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เมื่อครั้งเดินทางแสวงบุญธุดงค์ไปตามป่าเขาแนวชายแดนไทย – มาเลเซียสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีลักษณะเป็นเวิ้งถ้ำอยู่กลางภูเขาลูกหนึ่งเรียกว่าถ้ำคอก ทำให้ได้มีการผูกโยงเรื่องราวถึงแหล่งกำเนิดกาแฟถ้ำคอกตั้งแต่ครั้งนั้น ถือเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของภาคใต้ ปัจจุบันกาแฟโรบัสต้าถ้ำคอกได้มีการพัฒนาสายพันธุ์กาแฟอย่างต่อเนื่อง โดยมีส่วนราชการร่วมถึงภาคเอกชนเข้ามาส่งเสริมและสนับสนุนจนมีผลผลิตนำมาแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม และจำหน่ายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวตลอดจนคอกาแฟ โดยรสชาติหวานไม่เปรี้ยว มีความเข้มข้นกว่ากาแฟชนิดอื่น
ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลด้านประสานการมีส่วนร่วม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้สัมผัสความงดงามที่ทรงคุณค่าของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในหลากหลายด้าน ทำให้มองเห็นเสน่ห์ของพื้นที่ รวมทั้งโอกาสในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสังคมพหุวัฒนธรรม ที่ไม่ควรจะเห็นกันอยู่เพียงประชาชนในพื้นที่ แต่ต้องทำให้คนภายนอกเห็นความงดงามเหล่านี้ด้วย ดังนั้นขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมที่จะส่งเสริมและสนับสนุนโครงการต่างๆที่จะทำให้เกิดการฟื้นตัวด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติปักหมุดจุดหมายการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามความตั้งใจของรัฐบาลที่จะทำให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุกด้าน