นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกอ้อยคั้นน้ำประมาณ 120,000 ไร่ กระจายทั่วทุกภาคของประเทศ โดยนิยมนำอ้อยคั้นนำมาบริโภคเป็นน้ำอ้อยสดและนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อีกมากมาย เช่น น้ำเชื่อมอ้อย น้ำตาลอ้อยก้อน และน้ำตาลอ้อยผง ซึ่งมีการนำไปผลิตในระดับอุตสาหกรรมในครัวเรือน และอุตสาหกรรมระดับท้องถิ่น เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชน โดยพันธุ์อ้อยคั้นน้ำที่เกษตรกรนิยมปลูกในปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์สุพรรณบุรี 50 ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมได้รับการรับรองพันธุ์ในปี 2539 ปลูกกันมายาวนานมากกว่า 20 ปี ซึ่งการที่เกษตรกรใช้อ้อยพันธุ์เดิมปลูกติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้มีความเสี่ยงจากการเสื่อมของพันธุ์ มีการสะสมโรคและแมลง อาจสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก การวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยคั้นน้ำพันธุ์ใหม่จึงเป็นแนวทางสำคัญในการเตรียมพร้อมแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว เพื่อเป็นพันธุ์ทางเลือกใหม่ให้แก่เกษตรกร
ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี สถาบันวิจัยพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน เป็นหน่วยงานของกรมวิชาการเกษตรที่ดำเนินงานวิจัยและพัฒนาทั้งด้านพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมของอ้อย จึงได้ทำการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยคั้นน้ำพันธุ์ใหม่ เพื่อให้ได้พันธุ์อ้อยคั้นน้ำที่มีผลผลิตน้ำอ้อย ผลผลิตอ้อย สูงกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 และมีคุณภาพน้ำอ้อย ได้แก่ สีน้ำอ้อยและรสชาติ ดีกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 เพื่อเป็นพันธุ์ทางเลือกให้แก่เกษตรกร สำหรับลดความเสี่ยงจากการเสื่อมของพันธุ์ และเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์อ้อยคั้นน้ำ เพื่อให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยคั้นน้ำ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำอ้อยสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำอ้อย สามารถดำเนินอาชีพได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง
จากการดำเนินงานวิจัยในระหว่างปี 2547-2564 รวมระยะเวลา 17 ปี ตั้งแต่กระบวนการผสมพันธุ์ คัดเลือกพันธุ์ และประเมินผลผลิตขั้นต่างๆ เพื่อศึกษาข้อมูลด้านผลผลิตและคุณภาพน้ำอ้อยในแปลงทดลองหน่วยงานเครือข่ายของกรมวิชาการเกษตรและในไร่เกษตรกร ที่เป็นพื้นที่ปลูกอ้อยคั้นน้ำที่สำคัญของประเทศไทย จนถึงการประเมินความพึงพอใจและการยอมรับจากเกษตรกรผู้ผลิต จำหน่าย และบริโภค จนประสบผลสำเร็จ ได้อ้อยคั้นน้ำพันธุ์ใหม่ผ่านการรับรองพันธุ์พืชจากคณะกรรมการวิจัยปรับปรุงพันธุ์พืช กรมวิชาการเกษตร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ใช้ชื่อพันธุ์ว่า “กวก. สุพรรณบุรี 1” มีลักษณะเด่นคือ ให้ผลผลิตน้ำอ้อยเฉลี่ย 3,622 ลิตรต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ร้อยละ 26 ให้ผลผลิตอ้อยเฉลี่ย 11.43 ตันต่อไร่ สูงกว่าพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ร้อยละ 21 สีน้ำอ้อยมีสีเหลืองอมเขียว กลิ่นหอม รสชาติหวาน มีความหวาน 21.54 องศาบริกซ์ เจริญเติบโตเร็ว ลำแตกน้อย
การวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยคั้นน้ำ กวก.สุพรรณบุรี 1 ครั้งนี้ นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเสื่อมของพันธุ์จากการใช้พันธุ์เดิมต่อเนื่องมานานแล้วยังช่วยเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์อ้อยคั้นน้ำ ให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยคั้นน้ำ อุตสาหกรรมการผลิตน้ำอ้อยสด และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำอ้อย สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร สามารถดำเนินอาชีพได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยจากพื้นที่ปลูกอ้อยคั้นน้ำทั้งหมดประมาณ 120,000 ไร่ ให้ผลผลิตน้ำอ้อยเฉลี่ย 336 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 16,800 ล้านบาท (ราคา 50 บาทต่อลิตร) อ้อยคั้นน้ำ กวก.สุพรรณบุรี 1 ให้ผลผลิตน้ำอ้อย 3,622 ลิตรต่อไร่ จะทำให้ได้ผลผลิตน้ำอ้อยเพิ่มขึ้นเป็น 434.64 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 21,732 ล้านบาท
ส่วนด้านผลผลิตอ้อยจากที่ให้ผลผลิตอ้อย 1,080,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 4,860 ล้านบาท (ราคา 4,500 บาทต่อตัน) อ้อยคั้นน้ำ กวก. สุพรรณบุรี 1 ให้ผลผลิตอ้อย 11.43 ตันต่อไร่ จะได้ผลผลิตอ้อย 1,371,600 ตัน คิดเป็นมูลค่า 6,172.2 ล้านบาท โดยรวมแล้วผู้ผลิตและผู้บริโภค มีความพึงพอใจอ้อยคั้นน้ำพันธุ์ กวก.สุพรรณบุรี 1 ทั้งด้านผลผลิตน้ำอ้อย ผลผลิตอ้อย ความหวาน กลิ่นหอม และสีของน้ำอ้อย สามารถนำไปแปรรูปเพิ่มมูลค่าได้หลากหลาย เกษตรกรที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี โทรศัพท์ 0-3552-8255