ผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์หลังถูกมือดีพาพวกบุกเข้าไปในที่ดินแล้วถอนต้นไม้กว่าวามสิบต้น แต่ยังไม่ทันที่ตำรวจจะดำเนินการ กลุ่มบุคคลดังกล่าวเหิมหนักใช้รถลากเสารั้วและลวดหนามที่พึ่งทำเสร็จทิ้งอีกรอบ ขณะที่ตำรวจบอกกลัวถูกปิดทางออกไม่ได้รีบกลับหลังใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีในการตรวจสถานที่เกิดเหตุ
นายปรีชา ลีดอนงิ้ว อายุ 50 ปี ชาวบ้าน ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเป็นครั้งที่สอง หลังเคยเดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.เดช ภูมิสถาน สารวัตรสอบสวน สภ.กบินทร์ยุรี ว่ามีมือดี แอบเข้าไปในพื้นที่ครอบครองไม่มีเอกสารสิทธิ์ หรือที่ดินมือเปล่าว พื้นที่หมู่ 10 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี แต่ตนได้เข้าไปทำกินตั้งแต่ ปี 2562 ถอนต้นมะม่วงจำนวน 27 ต้น และต้นขนุน 3 ต้น ทิ้ง โดยไม่ทราบผู้ก่อเหตุ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ
หลังจากนั้น เวลาผ่านไปสามวัน นายปรีชา ได้ทำการล้อมรั้วลวดหนามรอบพื้นที่ทั้งหมดเพื่อเป็นการแสดงการครอบครอง แต่คล้อยหลังได้เพียงสามวัน หลังจากทำรั้วเสร็จ จนเช้าวันที่ 25 ก.ค. 65 นายปรีชา เข้าไปดูรั้วที่ทำไว้ปรากฏว่ารั้วถูกรื้อทิ้งทั้งหมด ลักษณะใช้รถดึงและม้วนลวดหนามวางไว้ ทำให้เกิดเความเสียหาย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นบุคคลกลุ่มเดียวกันลอบเข้าไปรื้อทิ้งในช่วงเวลากลางคืนของวันที่ 24 ก.ค. 65 จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ เยี่ยมอ่อน ร้อยเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี หลังการอบสวน ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ นัดเข้าพื้นที่เกิดเหตุ วันที่ 28 ก.ค. 2565 เวลา 13.30 น. แต่หลังเดินทางเข้าพื้นที่ ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ เยี่ยมอ่อน กลับใช้เวลาไม่ถึง 15 นาที ก็รีบเดินทางกลับ โดยบอกกับ นายปรีชา สั้นๆว่า กลัวอิทธิพล และถูกปิดถนนไม่ให้รถออก สร้างความงุนงงให้กับนายปรีชากับพวกที่มารอนานกว่าหนึ่งชั่วโมงแต่ได้ยินตำรวจพูดว่ากลัวอิทธิพล โดยก่อนกลับยังบอกนายปรีชา ว่าให้ตามไปสอบปากคำเพิ่มที่ สภ.กบินทร์บุรี ทำให้นายปรีชากับพวกต้องขับรถตามไปจนใกล้จะถึง สภ.กบินทร์บุรี ร.ต.อ.ถิรวัฒน์ กลับโทรมาบอกว่า ติดธุระไม่สามารถสอบปากคำต่อได้ให้กลับไปก่อนสะดวกวันไหนจะโทรมาแจ้งอีกที ก็เลยไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงมีการบ่ายเบี่ยงเตะถ่วงจากร้อยเวรเจ้าของคดี หรือว่า มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังคนที่ก่อเหตุ จึงทำให้แม้แต่ตำรวจยังเกรงใจ ถ้าตำรวจยังกลัวผู้มีอิทธิพลแล้วชาวบ้านจะอยู่กันอย่างไร
ทีมข่าวปราจีนบุรี