คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติ 3 โครงการสำคัญ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เน้นช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ ฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ท่ามกลางวิกฤตทางพลังงาน และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นประกอบด้วย 1. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มี “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ระยะที่ 5 วงเงิน 5,336 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าประชาชนประมาณ 13 ล้านคน 2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 วงเงิน 890 ล้านบาท กลุ่มเป้าหมายประมาณ 2 ล้านคน โดยทั้ง 2 โครงการ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 3 เดือน (กันยายน - พฤศจิกายน 2565) โดยให้ใช้สิทธิ 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2565 รูปแบบการดำเนินโครงการ คือ เพิ่มวงเงินซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และร้านค้าหรือผู้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 2 เดือน รวมทั้งสิ้นจำนวน 400 บาทต่อคน อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง จะปรับปรุงฐานข้อมูลกลุ่มเป้าหมายในโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 นี้ให้เป็นฐานข้อมูล ณ วันที่ 1 สิงหาคม 2565 เพื่อให้จำนวนกลุ่มเป้าหมายของทั้ง 2 โครงการสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันให้มากที่สุดด้วย 3. โครงการคนละครึ่ง เฟส 5 วงเงิน 21,200 ล้านบาทจำนวน ไม่เกิน 26.5 ล้านคน เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง เพิ่มอุปสงค์ในการบริโภค กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ เกิดการลงทุนลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชนในสถานการณ์ ที่ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น
คุณสมบัติ ต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทยอายุ 18 ปี ขึ้นไป, ไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ไม่ได้รับสิทธิโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ต้องการช่วยเหลือพิเศษ สำหรับประชาชนผู้ใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ต้องยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง เฟส 5 สำหรับประชาชนทั่วไปจะต้องใช้สิทธิ โครงการฯ เฟส 5 ครั้งแรกภายใน 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับข้อความผ่าน แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” หรือข้อความสั้น (SMS) แจ้งยืนยันสิทธิ หรือระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด สิทธิประโยชน์ ภาครัฐจะร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการที่กำหนด ในอัตราร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน หรือไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ โดยผู้ได้รับสิทธิสามารถซื้ออาหาร เครื่องดื่ม จากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนเงินในส่วนค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น ไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น ระยะเวลาดำเนินโครงการ 4 เดือน (สิงหาคม - พฤศจิกายน 2565) โดยให้ใช้สิทธิ 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 31 ตุลาคม 2565 ประเภทสินค้าและบริการ อาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำเล็บ ทำผม บริการขนส่งสาธารณะ หมายเหตุ : ไม่รวมสลากกินแบ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ บัตรกำนัลบัตรเงินสด และบริการรูปแบบอื่นๆ ที่เป็นการชำระค่าสินค้าหรือ บริการล่วงหน้า
ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ผู้ประกอบการร้านค้าสัญชาติไทย ที่เป็นร้านอาหาร /เครื่องดื่ม/ร้านค้าทั่วไป ไม่ใช่นิติบุคคล หรือร้านค้าของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือร้านธงฟ้า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ , ผู้ประกอบการบริการสัญชาติไทยที่ไม่ใช่นิติบุคคล ไม่เป็นผู้ประกอบการบริการของกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง หรือวิสาหกิจชุมชน หรือเป็นผู้ให้บริการประเภทรถที่ตรวจสอบได้ เช่น รถสามล้อถีบ เป็นต้น, ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะสัญชาติไทย ที่ไม่ใช่นิติบุคคล เช่น แท็กซี่ รถสามล้อ รถสองแถวรับจ้าง รถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่รถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย, ผู้ประกอบการประเภทบริการด้านขนส่งสาธารณะ ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะและเรือโดยสารสาธารณะ