พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมตรีว่า กระทรวงการคลัง รายงานสถานการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 66 โดยคาดว่าจะเติบโตได้ 4.2% จากปี 65 คาดว่าจะเติบโต 3.3% ซึ่งเป็นผลมาจากการบริโภคภาคเอกชน และกำลังซื้อที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาไทยมากขึ้นภายหลังจากการเปิดประเทศ โดยประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยในปี 66 จะเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน ขณะที่ปีนี้อยู่ที่ราว 6 ล้านคน
สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 6.2% ซึ่งเป็นภาวะที่หลายประเทศทั่วโลกยังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูง ส่งผลถึงราคาพลังงาน และส่งผ่านไปยังต้นทุนราคาสินค้าต่างๆ ในขณะที่คาดว่าปี 66 อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2.5%
พร้อมคาดว่าการส่งออกไทยในปีนี้จะเติบโตได้ 7.9% และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในปี 66 แต่ยังมีปัจจัยผันแปรที่สำคัญคือเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลักสำคัญ
"ขอให้ประชาชน และภาคธุรกิจเชื่อมั่นว่า เสถียรภาพระบบการเงินของไทยยังมั่นคงและแข็งแกร่ง จากการดำเนินนโยบายการเงินการคลังที่รอบคอบ และมีวินัย" นายกรัฐมนตรี ระบุ
ส่วนด้านการลงทุนจากต่างประเทศนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในขณะนี้มีหลายโครงการและจากหลายประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทย แต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจา จึงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญเร่งด่วนกับธุรกิจในกลุ่มที่เปราะบาง และผู้มีรายได้น้อย โดยจะมีการหามาตรการช่วยเหลือต่อไป