นายประลอง ดำรงค์ไทย โฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การกำกับดูแลของ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยได้มีการประชุมหารือผู้เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งรัดให้มีการดำเนินการจัดที่ดินให้กับราษฎรเป็นไปตามแผนการดำเนินงาน ตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งการจัดที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลนที่เสื่อมโทรม ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นำพื้นที่ป่าชายเลนที่มีสภาพเสื่อมโทรมจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยการทำนากุ้ง และพื้นที่ที่มีราษฎรอาศัยอยู่ในเขตป่าชายเลนมาก่อนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 มากำหนดเป็นเป้าหมายดำเนินการจัดที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาล เพื่อกำกับควบคุมมิให้ชุมชนมีการขยายตัว และป้องกันการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่มขึ้นโดยในปี พ.ศ. 2559 จนถึงพฤษภาคม 2560 มีผลการดำเนินงานได้ครบถ้วนตามเป้าหมาย โดยจัดหาที่ดินทำกินให้ชุมชน จำนวน 16,000 ไร่ และจัดหาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จำนวน 9 จังหวัด 28 ชุมชน ดังนี้
• ปี พ.ศ.2559จัดหาที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่เป้าหมาย 7 ตำบลของจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวน 11,000 ไร่ โดยในจำนวนนี้นำไปออกหนังสืออนุญาตแล้วจำนวน 7,785 ไร่
• ปี พ.ศ.2560 (ถึงพฤษภาคม 2560) จัดหาที่ดินทำกินในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 5,000 ไร่ และจัดหาที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จำนวน 9 จังหวัด 28 ชุมชน
ภายในแผนยุทธศาสตร์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2559-2579) ได้กำหนดเป้าหมายจัดที่ดินทำกินในพื้นที่ป่าชายเลนให้ได้ 80,000 ไร่ และภายในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) มีเป้าหมายจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ได้ 18 จังหวัด จำนวน 280 ชุมชน
การดำเนินการดังกล่าว ใช้กลไกของคณะอนุกรรมการ 5 คณะ ได้แก่ คณะอนุกรรมการจัดหาที่ดิน คณะอนุกรรมการจัดที่ดิน คณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) และคณะอนุกรรมการประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ประกอบด้วย
1. จัดหาที่ดินที่จะจัดให้แก่ผู้ยากไร้ที่ไม่มีที่ดินทำกิน พร้อมด้วยการตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครอง
2. กำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ยากไร้ที่จะได้รับการจัดที่ดินของแต่ละประเภทที่ดิน
3. จัดที่ดินให้แก่ผู้ยากไร้ โดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยทำกิน ตามกฎหมายของประเภทที่ดิน
4. จัดตั้งกลไกการบริหารจัดการที่ดินในรูปสหกรณ์ ชุมชนหรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุนการบริหารงานให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้
5. ส่งเสริมพัฒนาอาชีพ และการตลาดในรูปแบบเศรษฐกิจชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้การใช้ระบบการอนุรักษ์ดินและน้ำที่เหมาะสม
6.ติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน
“ในพื้นที่ที่ได้จัดให้เป็นที่ดินทำกินของราษฎรแล้ว กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะได้เร่งรัดให้มีการออกหนังสืออนุญาตให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป”นายประลองกล่าว