กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนาแนวโน้มเครื่องประดับ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และการเจาะตลาดสินค้ากลุ่มเป้าหมายใหม่ ในหัวข้อ “Jewelry Matters : Bangkok Gems & Jewelry Design and Marketing Conference 2017” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงแรมพูลแมน กรุงเทพฯ จี โดยได้รับเกียรติจากผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์ เป็นประธานเปิดงาน และมีผู้ประกอบการ ผู้ส่งออก ดีไซเนอร์ในธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับเข้าฟังอย่างคับคั่ง
ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “การสัมมนาซึ่งจัดขึ้น 2 วันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการเพื่อคว้าโอกาสในตลาดใหม่ๆ โดยกรมฯ ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญ Mr. David Landart ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดภาคพื้นเอเชีย Carlin Group ประเทศฝรั่งเศส มาให้ความรู้เกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นเครื่องประดับฤดูกาล Spring/Summer 18 กลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการเล่าเรื่องราวของแบรนด์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ โดยหวังว่าผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานในวันนี้ จะได้เห็นช่องทางในการผลิตสินค้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดใจลูกค้า และการเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆ ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มีโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นการจัดสัมมนาในครั้งนี้ รวมถึงการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ หรือ Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 60 ในเดือนกันยายนนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ต่อกลุ่มลูกค้าจากทั่วโลก
สำหรับเทรนด์แฟชั่นเครื่องประดับในฤดูกาลหน้า (Spring/Summer 18) Mr. David เล่าว่า สามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เทรนด์ “Rutilant” ซึ่งเป็นการผสมผสานวัฒนธรรมอเมริกันและแคริบเบียน ตัวอย่างคือ ศิลปะการออกแบบสไตล์ Memphis ที่โด่งดังในยุค 80 โทนสีจะเน้นใช้สีที่สดใส เร้าอารมณ์ มีความแปลก ไม่ซ้ำใคร เทรนด์ต่อมาคือ“Sublime Flawless” ซึ่งจะเน้นความละเอียด ประณีต ความงามของผู้หญิง โดยอาจใช้ลายของลูกไม้ งานปัก มาออกแบบผสมผสานกับหินทำให้ดูอ่อนหวานขึ้น หรือใช้เทคโนโลยี 3D Printingมาช่วยในการออกแบบ โทนสีจะเน้นสีอ่อน สีขาว สีทอง เทรนด์ที่ 3 คือ “Black Sunshine” เน้นพลังของสีดำและหินแร่ธาตุ
โชว์พื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ โดยได้แรงบันดาลใจจากหินภูเขาไฟ ผสานกับการใช้ความเงางามของสีเงิน เพื่อให้ยังคงความเป็นผู้หญิง เทรนด์ที่ 4 คือ “Carpe Diem” เน้นการดูแลสุขภาพ โดยใช้แรงบันดาลใจจากสีของผลไม้ รูปทรงดอกไม้ กลีบดอกไม้ เกสรดอกไม้ มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โทนสีสดใส ส้ม เหลือง
นอกจากนี้ มร.เดวิดยังแลกเปลี่ยนประเด็นเกี่ยวกับ “กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย” เพื่อให้สามารถ “เลือก” และ โฟกัสในการผลิต” โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่ม “Timeless Women” หรือ “Classic Women” กลุ่มนี้ จะสนใจเครื่องประดับที่เน้นคุณภาพสูง และมองว่าการซื้อเครื่องประดับเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยกลุ่มนี้จะชื่นชอบเครื่องประดับที่ สวย หรู เรียบ ไม่ต้องโดดเด่น กลุ่ม “Glamour Women” กลุ่มนี้จะชอบสินค้าที่สะดุดสายตาเน้นเครื่องประดับที่มีความเงางาม ขนาดใหญ่ กลุ่ม “Fashionista Women” กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เสพติดกับแฟชั่น เครื่องประดับที่สวมใส่ต้องนำแฟชั่น กลุ่มที่ 4 คือ “Romantic Woman”
กลุ่มนี้จะใช้อารมณ์ ความรู้สึกในการเลือกสินค้า ชื่นชอบสินค้าที่มีความเป็นผู้หญิงสูง โชว์ได้ แต่จะไม่มาก กลุ่มสุดท้ายคือ “Modern & Contemporary Women” ผู้หญิงทันสมัย มีความมั่นใจในตัวเองสูง เป็น Working Woman แต่งตัวในสไตล์ Minimalism สินค้าต้องมีดีไซน์และลงตัว กลุ่มนี้มีความซับซ้อนในการเลือกสินค้ามากที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญจาก Carlin Group ยังได้ให้ข้อคิดทิ้งท้ายว่า การออกแบบเครื่องประดับต้องคำนึงถึงผู้ใช้งานต้องใช้ได้จริงกุญแจสำคัญในการออกแบบคือต้องเข้าใจและรู้ว่าลูกค้าคือใคร นอกจากนี้ ลูกค้าหลักของธุรกิจ อัญมณีคือผู้หญิงซึ่งมีความซับซ้อนในการเลือกผลิตภัณฑ์ การศึกษาเทรนด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ผู้ผลิตโดยเฉพาะรายเล็ก (SME) ต้องทำความเข้าใจว่า ลูกค้าตลาดใหม่ในยุโรป มีความแตกต่างจากตลาดในประเทศไทย หรือแม้กระทั่งอาเซียน ดังนั้น การออกแบบจึงต้องทำความเข้าใจ Key Style และ Code และมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม
ผู้ประกอบการที่สนใจ ขยายโอกาสในเวทีการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ รวมทั้งอัพเดทเทรนด์จิวเวลรี่ สามารถสมัครเข้าร่วมงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ครั้งที่ 60 และสมัครเข้าร่วมจัดแสดงสินค้าในส่วนนิทรรศการ The New Showcase ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-10 กันยายน 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าไลฟ์สไตล์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ โทร 0 2507 8392-3 อีเมลbkkgems@ditp.go.th หรือ www.bkkgems.com