คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ทบทวนสถานการณ์ราคาน้ำมันประจำสัปดาห์ พร้อมมีมติคงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไว้ที่ลิตรละ 35 บาท โดยฐานะกองทุนน้ำมันติดลบ 1.18 แสนล้านบาท
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้พิจารณาทบทวนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลประจำสัปดาห์ โดยมีมติให้คงราคาน้ำดีเซลไว้ที่ลิตรละ 34.94 บาท เพื่อช่วยประคองผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชนถึงแม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกยังมีความผันผวน โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 137.52 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้น 6.56 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า (12 สิงหาคม 2565) ซึ่งอยู่ที่ 130.96 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมาจาก การคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งตลาดได้รับแรงหนุนจากการห้ามการส่งออกน้ำมันของรัสเซียโดยสหภาพยุโรป ซึ่งอาจทำให้อุปทานตึงตัวขึ้นอย่างมากและส่งผลให้ราคาปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า การคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปจะบังคับให้การผลิตน้ำมันของรัสเซียต้องปิดตัวลงประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในสิ้นปี 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566
นอกจากนี้ ด้านกลุ่มโอเปกโดย Haitham Al Ghais เลขาธิการคนใหม่ของโอเปก กล่าวว่าการลงทุนในภาคน้ำมันและก๊าซที่ไม่เพียงพอ หลังจากที่ราคาน้ำมันตกต่ำในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กำลังการผลิตสำรองของโอเปกลดลงอย่างมาก
ในส่วนราคาน้ำมันขายปลีกดีเซลของประเทศ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ได้วางมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน โดยมีมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 ในส่วนที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน (กรกฎาคม - กันยายน 2565)
สำหรับประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปัจจุบัน วันที่ 21 สิงหาคม 2565 ติดลบ 118,010 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 76,741 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 41,269 ล้านบาท