ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
รถไฟทดสอบรถไฟดีเซลรางKIHA ยังมาตรฐานปลอดภัย
06 ก.ย. 2565

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยภายหลังนำสื่อมวลชนชมเยี่ยมชมกระบวนการซ่อมบำรุงรถไฟดีเซลราง ที่โรงซ่อมบำรุงรถไฟมักกะสัน และนำนั่งทดสอบเดินขบวนรถไฟดีเซลราง รุ่น KIHA 183 ในเส้นทางโรงงานมักกะสัน - ฉะเชิงเทรา – กรุงเทพ ทั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์ความคืบหน้าการปรับปรุงขบวนรถไฟดีเซลราง KIHA 183 ที่ได้รับมอบจากประเทศญี่ปุ่นจำนวน 17คัน ก่อนที่จะเปิดให้บริการประชาชน ทั้งนี้ การได้รับมอบดังกล่าวการรถไฟแห่งประเทศไทย จะนำมาปรับปรุงเพื่อให้บริการเชิงพาณิชย์กับผู้โดยสารต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้ทำการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วจำนวน3คัน 1ขบวน ถือเป็นเฟสแรก ซึ่งมีการปรับล้อให้เข้ากับรางประเทศไทย แต่ยังคงรูปแบบของญี่ปุ่นเอาไว้ แต่ทำสีใหม่ ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง 2แสนต่อคัน พร้อมยันมาตรฐานความปลอดภัย
“ที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่นได้มอบรถไฟดีเซลรางให้กับประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 โดยถือว่าเป็นความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยการรถไฟรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของดำเนินการขนย้าย คันละ 2.5ล้านบาท รวม17คัน เป็นจำนวนเงิน 42.5ล้านบาท ซึ่งเราได้รับมอบมาก็นำมาปรับปรุง โดยใช้ระยะเวลาปรับปรุงซึ่งจะดำเนินการเสร็จทั้งหมด 17คัน ประมาณปลายปี2566 แต่ในส่วน3คัน ที่ดำเนินแล้วเสร็จเรียบร้อยก็จะวิ่งให้บริการได้ในเดือนตุลาคม 2565 แต่หากทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะนำไปให้บริการทั้งท่องเที่ยวและเชิงพาณิชย์ เนื่องจากจะต้องรอตามแผนการจัดซื้อขบวนรถใหม่ 184 คัน เพื่อทดแทนขบวนรถไฟที่ปลดระวาง แต่เป้าหมายหลักต้องการจะนำมาใช้เป็นขบวนท่องเที่ยว สำหรับการปรับปรุงรถไฟดีเซลราง KIHA นั้น จะสามารถใช้งานได้ถึง 15-20ปี ซึ่งถือว่าสภาพรถไฟที่ได้รับจากประเทศญี่ปุ่นยังมีสภาพดี สำหรับระดับความเร็วสามารถใช้ได้ 110กม.ต่อชั่วโมง “นายนิรุฒ กล่าว
สำหรับตัวรถของแต่ละคันมีตัวเครื่องยนต์ชนิด Turbo-Diesel ใช้ความเร็วสูงสุด110 กม.ต่อชั่วโมง ตู้รถโดยสารมี 2ชนิด คือ แบบที่ห้องมีห้องคนขับ รุ่น KIHA 183 รองรับผู้โดยสารได้ 40 ที่นั่ง และชนิดที่ไม่มีห้องคนขับ รุ่น KIHA 182 รองรับผู้โดยสารได้ 68 ที่นั่ง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 1 - 15 เมษายน 2567
อปท.เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
27 ธ.ค. 2566
แพทย์ พยาบาล หรือบุคลากรทางการแพทย์ เป็นอาชีพที่ต้องเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่น ไม่เพียงต้องดูแลรักษาผู้ป่วยตามหลักการทางการแพทย์เท่านั้น แต่ต้องเข้าใจและเข้าถึงจิตใจของผู้ป่วยอย่างแท้จริงอีกด้วย ดังนั้น ผู้ที่จะทำงานอาชีพนี้ ต้องมีหัวใจและอุดมการณ์ที่มีความเสียส...