นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เริ่มบรรเทาลงส่งผลให้ภาคธุรกิจบางสาขาเริ่มส่งสัญญาณกลับมาฟื้นตัว แต่ยังมีผู้ประกอบการอีกจำนวนมากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงให้ความเห็นชอบ การขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อภายใต้ พ.ร.ก.ฟื้นฟู ระยะที่ 2 อีกจำนวน 50,000 ล้านบาท ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันเต็มวงเงินสินเชื่อ โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 เป็นต้นไป ผ่านมาตรการ “บสย.พร้อมช่วย” ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจที่กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านและการเปิดประเทศ สู่ BCG Model ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ ค่าธรรมเนียมค้ำประกันถูก เพียง 3% ใน 2 ปีแรก และยังค้ำประกันเต็มวงเงิน
ช่วยผู้ประกอบการได้รับประโยชน์มากถึง 3 ต่อคือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ 2% ใน 2 ปีแรก (รัฐชดเชยดอกเบี้ย 6 เดือนแรก) ค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ ร้อยละ 1 ใน 2 ปีแรก และ บสย. พร้อมค้ำประกันสินเชื่อแบบเต็มวงเงิน ส่วนระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 – วันที่ 9 เมษายน 2566 (ตามกรอบระยะเวลาของธนาคารแห่งประเทศไทย)
สำหรับกลุ่มธุรกิจเป้าหมายภายใต้ BCG Model ที่ได้รับการสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการธุรกิจ กลุ่มที่กำลังปรับไปสู่กระบวนการผลิต และบริการแบบออโตเมชัน กลุ่มธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ระบบประหยัดพลังงาน พลังงานทดแทน และพลังงานสะอาด กลุ่มธุรกิจที่พัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Zero waste และกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมที่เสริมความสามารถในการแข่งขัน รัฐบาล มั่นใจว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น มีสภาพคล่องที่เพียงพอและสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป