นายอาภากร ปานเลิศ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ คปภ.อยู่ระหว่างสำรวจข้อมูล ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี เพื่อทำกรอบดำเนินการค่าเบี้ยประกันภัยรถอีวีให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับให้บริษัทประกันภัยใช้ในการอ้างอิงเมื่อเกิดเหตุ เพราะรถยนต์สันดาปกับรถอีวีจะไม่เหมือนกัน
นายอาภากรกล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทประกันภัยขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยรถอีวีบ้างแล้วเพื่อเป็นการทดลองตลาด โดยจะอ้างอิงข้อมูลของรถสันดาปมาปรับปรุงใช้กับรถอีวี เช่น กำลังรถ แรงม้า ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งมีหลักเกณฑ์การคำนวณของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ที่ใช้ในการเสียภาษีประจำปีอยู่แล้ว กำหนดเป็นค่าเบี้ยประกันภัยขายให้กับลูกค้าให้เหมาะสมในแต่ละปี โดยค่าเบี้ยอาจจะสูงกว่ารถทั่วไป ซึ่งก็เป็นไปตามการสะท้อนความเสี่ยงของตลาด เพราะรถอีวีในตลาดยังมีน้อยประมาณ 10,000 คัน และการซ่อมยังมีจำกัดซ่อมเฉพาะห้าง เนื่องจากช่างที่มีความรู้ด้านไฟฟ้าและเครื่องกลก็มีน้อย
“รถอีวี 10,000 คัน ที่อยู่ในตลาด ไม่ได้เกิดเหตุทั้งหมด อาจจะเกิดแค่ 10-20 คัน ถ้าจะออกเบี้ยประกันราคาแพงๆ ก็ไม่สมเหตุสมผล และรถอีวีก็มีหลายค่าย หลายราคา จึงต้องเก็บข้อมูลให้นิ่ง เช่น ความเสี่ยง การเกิดเหตุ ค่าซ่อม ถึงจะกำหนดออกมาเป็นค่าเบี้ยและความคุ้มครองได้ ซึ่งผลการศึกษาที่เรากำลังทำยังไม่ออกมา จะเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เท่าที่สอบถามจากบริษัทประกันภัยที่ทดลองทำตลาด พบว่ารถอีวีเกิดเหตุน้อยกว่ารถทั่วไป แต่การซ่อมคืนสู่สภาพต่อครั้งจะสูงกว่ามาก เพราะอะไหล่ อุปกรณ์หลัก เช่น แบตเตอรี่ลูกละ 100,000-300,000 บาท หรือมอเตอร์เกียร์ ซึ่งยังมีไม่มาก เมื่อเกิดเหตุก็ต้องเปลี่ยนยกชุด ส่วนที่มีข่าวว่าค่าเบี้ย 40,000 บาทนั้น น่าจะเป็นราคาที่สะท้อนความเสี่ยงของรถ คงจะไม่ใช่ทุกยี่ห้อและทุกรุ่น” นายอาภากรกล่าว