“พิชัย” จี้ “ประวิตร” เร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ไทยที่ย่ำแย่หนัก ชี้ 9 ปัญหา ส่งผลกระทบการค้าการลงทุนทำไทยเสื่อมถอย แนะ ไม่เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปต่อยาก
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่จะเข้าหน้าหนาวของประเทศฝั่งตะวันตก และ น้ำท่วมส่งผลกระทบกับประชาชนอย่างมากและยังจะมีผลต่อจีดีพีทำให้ลดลง โดยในประเด็น 8 ปี พลเอกประยุทธ์ ยังสร้างความสับสนอย่างมาก การปล่อยข้อมูลของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ออกมาทั้งที่ตนได้เรียกร้องให้นายมีชัยแถลงนานแล้ว กลับไม่แถลงแต่พอพลเอกประยุทธ์ทำท่าจะเพลี่ยงพล้ำกลับมีเอกสารนายมีชัย ออกมาแก้ตัวและแก้ต่างให้กับพลเอกประยุทธ์ซึ่งหลายข้อมูลอาจจะไม่เป็นตามข้อเท็จจริง และแตกต่างกันกับอาจารย์เธียรชัยให้ข้อมูลไว้ ขนาดศาลรัฐธรรมนูญยังต้องขอข้อมูลการประชุมทั้งหมดของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพื่อนำไปพิจารณา ซึ่งหวังว่าจะออกมาตามความตั้งใจและจุดประสงค์ที่แท้จริงของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้ผู้ใดผู้หนึ่งอยู่ในตำแหน่งนานเกินไป และยึดติดอำนาจเหมือนที่เห็นๆกันอยู่ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตลอด 8 ปีที่ผ่านมาหลังการทำปฏิวัติรัฐประหาร ภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้เสื่อมลงอย่างมาก และส่งผลต่อการค้า การลงทุน และ ความเจริญทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาตลอด แม้กระทั่งหลังการเลือกตั้งแล้วก็ยังมีการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่สามารถที่จะหลอกลวงสื่อต่างประเทศได้ สื่อหลักแทบทั้งหมดได้วิพากษ์วิจารณ์พลเอกประยุทธ์และประเทศไว้อย่างเสียหายมาก หากย้อนไปดูจะพบดังนี้ บอกประเทศไทยย้อนหลังไป 30 ปี มีพรรคเล็กพรรคน้อยและจะเป็นปัญหาซึ่งก็เป็นจริงๆ บอกพลเอกประยุทธ์ทำได้ทุกอย่างเพื่อรักษาอำนาจ ซึ่งก็เป็นจริง และบอกว่าไทยเป็นคนป่วยของเอเชียและจะยิ่งป่วยหนัก ซึ่งเขาหมายถึงเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก ซึ่งก็ทรุดหนักจริงๆ ทั้งนี้ภาพลักษณ์ของไทยเสื่อมถอยมาตลอด ซึ่งในปัจจุบันภาพลักษณ์ของไทยที่มี 9 ปัญหามีดังนี้
1. ประเทศไทยยังมีโอกาสเกิดการปฏิวัติได้อีก ซึ่งต่างประเทศเห็นเป็นปัญหาอย่างมาก ในอนาคตต้องไม่มีการปฏิวัติอีกแล้ว
2. ขาด Rule of Law ต้องยอมรับความจริงว่าระบบยุติธรรมของไทยในสายตาต่างประเทศยังดูย่ำแย่ จากหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ความน่าเชื่อถือของไทยลดต่ำ ต้องหาทางปรับแก้เรื่องนี้
3. เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำสุด จนกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย ตั้งแต่ก่อนมีการระบาดของไวรัสโควิด และป่วยหนักยิ่งขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่น่าสนใจของต่างประเทศ อีกทั้งความเหลื่อมล้ำของไทยยังสูงสุด
4. เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าที่สุด หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤติโควิด เศรษฐกิจของประเทศต่างๆฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่ตกลงมา แต่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ายังไม่ถึงที่ตกลงมา
5. ระบบราชการล้าสมัย เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ ควรต้องเปลี่ยนเป็น digital transformation
6. การคอรัปชั่นเพิ่มขึ้นมาก ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเอือมระอา ต้องกำจัดการคอรัปชั่นให้ได้
7. โครงสร้างพื้นฐานไม่ได้มีการพัฒนา โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิตอล ทำให้อันดับโครงสร้างพื้นฐานของไทยตกลง รถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีน-ลาว แต่ไม่ถึงไทย ต้องรีบแก้ไขปรับปรุง
8. อุตสาหกรรมที่มีอยู่เริ่มล้าสมัย ไม่มีอุตสาหกรรมต้นน้ำที่สำคัญสำหรับอนาคต เช่น ไมโครชิพ และ แบตเตอรี่ ต้องรีบเร่งให้เกิดขึ้นจริง
9. ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ไม่สามารถนำพาประเทศให้พัฒนาต่อไปนี้ อีกทั้งยังเป็นผู้นำสืบทอดอำนาจจากการปฏิวัติ
นี่เป็น 9 ปัญหาในสายตาต่างประเทศที่มองเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งจะต้องเร่งแก้ไขเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ เพื่อประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้ หากยังย่ำอยู่ที่เดิมเหมือนในปัจจุบันจะถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงแน่ โดยเฉพาะประเทศ เวียดนาม ที่การส่งออกเวียดนามแซงไทยไปไกลมากแล้ว