นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ประชุมหารือเรื่องการบำบัด ฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด โดยนโยบายการป้องกันยาเสพติดที่ผ่านมามี 5 มาตรการ คือ ป้องกัน, ปราบปรามและบังคับใช้กฎหมาย, บำบัดฟื้นฟู, บริหารจัดการแบบบูรณาการทุกหน่วยงาน และความร่วมมือกับต่างประเทศ และหลังจากที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่บังคับใช้ ก็ได้เพิ่มมาตรการที่ 6 คือการยึดทรัพย์ โดยในส่วนอื่นๆ นั้นสามารถทำได้อย่างดี
แต่ในส่วนที่มีปัญหาคือ มาตรการด้านการบำบัดและฟื้นฟู เพราะมีการแยกกันบำบัดระหว่างกระทรวงยุติธรรมกับกระทรวงสาธารณสุข โดยยอดรวมของผู้ที่จะต้องรับการบำบัดฟื้นฟูมีประมาณ 200,000 ราย กรมคุมประพฤติดูแล 120,000 ราย สาธารณสุขดูแล 80,000 ราย โดยทั้งหมดมี 8,795 รายที่อาการหนักจะต้องกินยารักษาอาการทางจิตเวชอยู่ตลอด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เวลานี้หากเรานั่งดูข่าว ก็จะเห็นว่าคดีในลักษณะผู้เสพยามีการคลุ้มคลั่ง ทุบตีพ่อแม่ ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่หดหู่ เกิดขึ้นทุกวันซึ่งผู้เสพยาในลักษณะนี้มีอาการทางจิตเวช และไม่ทานยาตามที่แพทย์สั่ง เหตุการณ์แบบนี้หากไม่เป็นญาติพี่น้องผู้เสียหายคงไม่รู้สึก คนที่ถูกกระทำก็ต้องวิ่งหาความเป็นธรรม ซึ่งในเรื่องของการบำบัดฟื้นฟูหน้าที่หลัก คือ สาธารณสุข แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ก็มีกรมคุมประพฤติ ที่น่าจะทำประโยชน์ต่ออุปกรณ์ที่มี คือ นำกำไล EM ออกมาใช้งานในเรื่องนี้ รวมถึงเครือข่ายอาสาสมัครติดตาม ซึ่งแม้จะมี อสม.อยู่แล้ว แต่หากเราเพิ่มส่วนนี้เข้าไปก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยกรมคุมประพฤติได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานศาลยุติธรรมแล้ว ซึ่งทางศาลก็ตอบรับเป็นอย่างดี ตนต้องขอขอบคุณทางศาลด้วยที่เข้าใจในเรื่องนี้
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ยังมีข้อกังวลของบางหน่วยงานในเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน ตนจึงให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วม โดยตนจะเป็นประธานและท่านปลัดเป็นรองประธาน เพื่อศึกษาในเรื่องการควบคุมการบำบัดฟื้นฟู ให้พวกเขาไม่ขาดยาหรือได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง การใช้กำไล EM จะช่วยควบคุมดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ทำให้เรารู้ว่าบุคคลที่อันตรายอยู่ตรงไหนและติดตามตัวมารักษาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าอายุรัฐบาลจะเหลือน้อย แต่เรื่องนี้จะปล่อยไม่ได้ ต้องทำให้เป็นรูปธรรมที่สุด