ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ย้อนกลับ
ศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจอมทอง พรรคเพื่อไทย
15 ก.ย. 2565

นักการเมืองในอุดมคติ กล่าวได้ว่า คือบุคคลที่มีความมุ่งมั่นที่จะเดินทางเข้าสู่เส้นทางของการใช้อำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศและพัฒนาประเทศ ไม่ว่าอยู่ในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ยิ่งถ้าผ่านการเลือกตั้งมาจากประชาชนด้วยแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยนักการเมืองแต่ละคนต่างก็มีทิศทาง หนทาง การเข้าสู่การเมืองแตกต่างกันไป

ซึ่งอปท.นิวส์เชิญเป็นแขกฉบับนนี้ จะขอนำท่านผู่อ่านมาทำความรู้จักกับนักการเมืองหนุ่มไฟแรงผู้หนึ่ง ที่กำลังขันอาสาเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนด้วยความุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ที่ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ชื่อและตัวของเขาไปปรากฎเป็น 1 ใน21 ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากพรรคเพื่อไทย และเขาบุคคลผู้นั้นก็คือ“ศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร” หรือ “คุณลิ้ม”ลูกชายของ “สุทธิชัย วีรกุลสุนทร” หรือ“เฮียล้าน”สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจอมทองพรรคเพื่อไทย กับ“นันทพร วีรกุลสุนทร”อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ 2 สมัยจึงไม่เหนือความคาดหมายที่หนทางชีวิตของ “ศรัณยสัณฑ์” จะก้าวเข้าสู่แวดวงการเมืองตามรอยคุณพ่อและคุณแม่ โดยปัจจุบัน “ศรัณยสัณฑ์” ได้เริ่มก้าวเข้าสู่การเมืองไปแล้วในตำแหน่งเลขานุการคณะกรรมการการเศรษฐกิจ การคลัง สภากรุงเทพมหานคร

คุณศรัณยสัณฑ์ ในวัย 44 ปี เริ่มบอกกล่าวถึงในวัยเด็กว่า เป็นคนพื้นเพที่คนกรุงเทพฯ เขตจอมทอง 30 ปีโดยคุณพ่อ-คุณแม่เป็นคนที่เขตจอมทองมาโดยตลอดมีพี่น้องด้วยกัน 3 คน เป็น ชาย 2 หญิง 1โดยคุณศรัณยสัณฑ์ป็นพี่คนโตสุดด้านการศึกษาเริ่มเรียนที่ประถมศึกษาที่โรงเรียนเปรมฤดีศึกษาและต่อที่ระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนที่ต่อมาจะจบการศึกษาปริญญาตรี มหาวิทยาลัยเกริก คณะศิลปศาสตรบัณฑิต (BBA) ปริญญาโท ศิลปศาสตร์ มหาบัณฑิต (MBA)จบมาก็เข้ามาช่วยกิจการที่บ้าน ซึ่งคุณพ่อ-คุณแม่ เคยประกอบธุรกิจโรงงานเม็ดพลาสติกขาย ทำรีไซเคิลพลาสติก ก่อนจะเปลี่ยนแนวธุรกิจจากพลาสติกมาทำอสังหาริมทรัพย์ฯ

“ในวัยเด็ก ผมถือเป็นเด็กกิจกรรมในโรงเรียนมาตลอดแต่ก็มีปัญหาด้านสุขภาพ คือมีน้ำหนักมากมาตั้งแต่เด็ก เคยหนักสุดถึง 105 กิโลกรัม จนรู้สึกว่าสุขภาพเริ่มไม่สู้ดี แต่ตอนนั้นเพื่อนๆ ในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีการจัดแข่งขันการออกกำลังกายในรุ่นเดียวกัน โดยตั้งกติกาไว้ว่า ภายใน 1 เดือน ต้องทำให้ได้อย่างต่ำ 50 -70 คะแนน โดยจะมีการแบ่งการออกกำลังเป็นประเภทต่างๆ เช่น วิ่ง 1 กิโลเมตรนับเป็น 1 คะแนน ปั่นจักรยาน 4 กิโลเมตรได้ 1 คะแนนว่ายน้ำ 150 เมตร เท่ากับ 1คะแนน เป็นต้น ทีมไหนที่เข้าที่โหล่ก็เสียค่าปรับ 300 บาท และทุกๆ 3 เดือนก็จะนำค่าปรับมาจัดเลี้ยงกัน โดยผลจากการจัดการแข่งขันในตอนนั้น ทำให้นักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบฯ รุ่นของผม ปัจจุบันสามารถไปวิ่งมาราธอนกันจำนวนมาก โดยคุณ ลิ้ม ได้เล่าถึงความประทับใจในการออกกำลังกายตอนนั้นเอาไว้ว่า

“อันนี้ถือเป็นจุดกำเนิดให้เราออกกำลังกายและดูแลตัวเอง โดยตอนที่ผมได้เข้าชาเลนจ์ใหม่ๆ ไม่สามารถวิ่งได้เลย ตอนนั้นจึงเน้นเดิน ต่อมาจากวิ่งได้ 3 กิโลเมตร ก็เพิ่มเป็น 10 กิโลฯ และ 21 กิโลฯ จนสามารถวิ่งจบ Full มาราธอน ทำให้สามารถลดน้ำหนักลงมาได้ในระยะเวลา 3 ปี”

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนั้นคุณพ่อหันมาเล่นการเมืองและได้รับเลือกให้เป็นส.ก. มาตั้งแต่ปี 2538 ซึ่งดำรงตำแหน่งมาถึงปัจจุบันรวมแล้วกว่า 6 สมัยขณะที่คุณแม่ก็เคยเป็น ส.ส. มาแล้วถึง 2 สมัยส่วนสาเหตุที่ครอบครัวก้าวเข้าสู่การเมืองเป็นเพราะเมื่อครั้งที่คุณพ่อเป็นนักธุรกิจเวลาติดต่องานกับหน่วยงานต่างๆ มักจะถูกรีดไถ ถูกรังแก จนเมื่อได้มีตำแหน่งทางการเมือง จึงมีคติที่อยากจะช่วยคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ได้รับความเท่าเทียม โดยใช้ตำแหน่งดังกล่าวช่วยเหลือผู้คน ให้สามารถได้รับความเป็นธรรมให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อราชการหรือการติดต่อตำรวจ

รวมไปถึงการต่อยอดพัฒนาการบริการประชาชน เช่น คุณพ่อได้เชิญผู้นำชุมชนเขตจอมทองร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหาและร่วมพัฒนาชุมชนในพื้นที่เขตจอมทองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือจัดตั้งจุดบริการถ่ายเอกสารฟรี ให้กับประชาชนที่มารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด เข็ม1,2,3,4 จากศูนย์บริการสาธารณสุข 29 ที่โรงเรียนวัดโพธิ์ทอง หรือแม้กระทั่งลงพื้นที่สำรวจสถานที่รกร้างในพื้นที่​ ส.น.บางขุน​เทียน​ ตามได้ที่รับการประสานโดย​ พ.ต.อ.วิศิษฐ์ สังขนันท์​ ผกก.ส.น.บางขุน​เทียน​ เพื่อให้กรุงเทพ​มหานคร​ปรับปรุง​พื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์​ เนื่องจากพื้นที่จอดรถ​ในสถานีตำรวจคับแคบ​ ตามที่ประชาชนร้องเรียนมาโดยตลอด เป็นต้น

“โดยพื้นเพผมไม่ได้ลงการเมืองมาก่อนก็จริง แต่ผมก็มีประสบการณ์อยู่เบื้องหลัง โดยเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งของที่บ้านมาตลอด ทั้งการเลือกตั้งท้องถิ่นและในระดับชาติ”คุณลิ้ม กล่าว

สำหรับสาเหตุที่หันมาลงสมัครเป็น ส.ส. ในเขตจอมทอง ส่วนหนึ่งเพราะครอบครัวได้ทำพื้นที่ในเขตจอมทองมานานกว่า 20 ปี ซึ่งหลังจากคุณแม่เริ่มหยุดจากเกมการเมือง ถ้าหากไม่มีการสานต่อ เป้าหมายก็อาจจะขาดช่วงไป ประกอบกับทางพรรคก็ต้องการคนรุ่นใหม่ รวมถึงยังได้เห็นปัญหาจากประชาชนมากมายที่ยังคงค้างคาและยังไม่ได้รับการแก้ไข

แม้คุณพ่อจะเป็น ส.ก. ซึ่งก็มีการทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในระดับหนึ่ง แต่ด้วยข้อจำกัดอำนาจหน้าที่ในระดับท้องถิ่น ทำให้สิ่งที่อยู่นอกเขต กทม. ไปก็ไม่สามารถประสานความช่วยเหลือได้ เลยอาจเป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. ที่อาจขยายความช่วยเหลือได้ดียิ่งขึ้น จึงอาสารับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในเขตจอมทอง และหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ก็จะทำให้สามารถให้การช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น

“ครั้งหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ผมเคยเป็นทั้ง ส.ส. และส.ก. ร่วมกัน สมัยนั้นพื้นที่จึงพัฒนาไปได้ค่อนข้างดีมาก เพราะไม่มีรอยต่อระหว่าง ส.ส.กับ ส.ก. ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์ในการพัฒนา ไม่ว่าจะงบประมาณมาทำถนนหรือสาธารณูปโภคต่างๆ จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมอยากมาลง ส.ส.ในครั้งนี้ เพื่อมาพัฒนาพื้นที่ตนเองในเรื่องที่ ส.ก.ไม่สามารถทำได้” ศรัณยสัณฑ์ กล่าว

ด้านวิสัยทัศน์ถึงปัญหาและการแก้ไขนั้น คุณศรัณยสัณฑ์ บอกว่า สิ่งที่เห็นได้บ่อยคือปัญหาของประชาชนกับหน่วยงานในพื้นที่ที่อาจไม่ได้สร้างความเข้าใจร่วมกัน จนเกิดเป็นปัญหากับประชาชน อาทิ ในพื้นที่เขตจอมทองการรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย ซึ่งทุกครั้งทางการรถไฟจะมีการยกรางตรงบริเวณถนนข้ามทางรถไฟ ซึ่งหากทำไม่เรียบร้อยจะส่งผลให้รถประชาชนเกิดความสูญสียได้ รวมไปถึงผู้ขับมอเตอร์ไซค์ที่ล้ออาจติดเกี่ยวรางทำให้โดนรถไฟเฉี่ยวชนบ้าง

รวมถึงปัญหาการให้บริการประชาชนที่ล่าช้า เนื่องจากขั้นตอนราชการ อาทิ หากประชาชนประสบปัญหาหลอดไฟขาด ประชาชนก็ต้องยื่นเรื่องกับการไฟฟ้า ซึ่งต้องรอการอนุมัติจากทางเขตเสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการเปลี่ยนหลอดไฟได้ ดังนั้นการจะให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น หน่วยงานควรจะมีการทำงานในเชิงบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบ เช่น การบูรณาการการไฟฟ้ากับกรุงเทพมหานคร เมื่อเกิดปัญหาหลอดไฟขาด ให้สำนักงานโยธาฯ ดำเนินการได้เลยหรือไม่ เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการแก้ปัญหาประชาชน

นอกจากนี้ ล่าสุดคุณศรัณยสัณฑ์ยังได้ประยุกต์นำการออกกำลังกายมาสร้างกิจกรรมทางสุขภาพ พร้อมกับร้องเรียนปัญหาในพื้นที่ให้ภาครัฐได้รับทราบไปในตัว โดยใช้ชื่อ“วิ่งหาเรื่อง” ที่จะเป็นการรวบรวมนักวิ่งในเขตจอมทอง มาร่วมกันวิ่งในพื้นที่ และระหว่างวิ่งก็จะรับเรื่องร้องเรียนมาแก้ไขไปอีกทางหนึ่งด้วย

“ทุกวันนี้บ้านที่เราอยู่จะมีซอยก็ยังประสบปัญหาไฟดับอยู่มาก แล้วไม่ได้รับความแก้ไข รวมถึงในเขตพื้นที่ของผม แม้จะมีการประสานงานแก้ไขไประดับหนึ่ง แต่ก็มีบางจุดที่จำเป็นต้องใช้รถกระเช้า ไม่สามารถเปลี่ยนหลอดได้ ไปถึงการติดต่อประสานงานที่ยุ่งยาก ซึ่งปัญหาเหล่านี้เกินอำนาจของ ส.ก. ซึ่งหาก ส.ส.มีประสิทธิภาพ สามารถไปแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ผมว่าจะเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว”ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าว

                สำหรับไอเดียในการทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จต้องทำอย่างไรนั้น คุณศรัณยสัณฑ์ เสนอว่า การประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีความมุ่งมั่นพร้อมหาวิธีการในการประสบความสำเร็จ หากครั้งแรกไม่สำเร็จแต่ถ้ามีความพยายามอะไรก็เป็นไปได้

                ด้านอุปสรรคหรือปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจนั้น ได้บอกกับประชาชนเสมอว่า ต้องใจเย็นๆ และอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะจากสถานการณ์สงครามระหว่างประเทศและโรคระบาด ทำให้เงินในกระเป๋าลดลง แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ กลับแพงขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูการเลือกตั้งรอบต่อไปว่ามีนโยบายจากพรรคไหนที่จะแก้ปัญหาวิกฤติปากท้องได้ และประชาชนให้ความเชื่อถือ

                ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของคุณศรัณยสัณฑ์ วีรกุลสุนทร ในการรับฟังปัญหาและเร่งประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยต่อระหว่างรัฐและประชาชนลดน้อยลง นี่จึงนับเป็นอีกหนึ่ง ส.ส.จากพรรคเพื่อไทยที่น่าจับตามอง

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...