นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยเร่งเดินหน้าตามเป้าหมายที่ประกาศไว้ ได้แก่ การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2608 โดยผลักดันนโยบายให้ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการของไทยดำเนินการในลักษณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูง พร้อมตั้งเป้าหมายทำการศึกษาให้แล้วเสร็จ และกำหนดให้มีความชัดเจนในแนวทางและอัตราภาษีภายในปี 2566
โดยกรมสรรพสามิตจะได้ศึกษาแนวทางในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนอย่างชัดเจนให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากล ซึ่งในเบื้องต้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอน และเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสินค้า และช่วยส่งเสริมให้มีการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรเพิ่มขึ้น กรมสรรพสามิตสนับสนุนให้นำเอทานอลบริสุทธิ์มาใช้
"ปัจจุบันนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง ที่ทุกประเทศต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา การใช้มาตรการทางภาษีถือเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อน และจูงใจให้ภาคอุตสาหกรรม หันมาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินกิจกรรมของภาคอุตสาหกรรม ยังช่วยให้ผู้บริโภคลดการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และสนับสนุนให้ภาคเอกชนรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืนตามเป้าหมายของไทย ด้วยนโยบายการเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2065 อีกด้วย" นายอนุชา ฯ กล่าว