ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายสุรี จำปารัตน์ ผู้ใหญ่บ้านกุดสังข์ หมู่ 4 ตำบลหัวงัว อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายธิติวัฒน์ ภารสมภพ ปลัดอำเภอยางตลาด และหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอยางตลาด นายไพฑูรย์ ดีวันรอง เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) พ.ต.ท.สมพงษ์ โพธิ์ทอง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สถานีตำรวจภูธร อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบต้นพะยูงอายุกว่า 100 ปี ที่ปรากฏร่องรอยถูกตัดโค่นแล้วแบ่งเป็นท่อน 6 ท่อน และเศษเลื่อยไม้กระจัดกระจายไปทั่ว ขณะที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีมากกว่า 4 ท่อนที่ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว
โดยต้นพะยูงอยู่ตรงถนนระหว่างหมู่บ้านหัวงัว-บ้านกุดสังข์ หมู่ 4 ตำบลหัวงัว ห่างจากตัวหมู่บ้านประมาณ 50 เมตร นายสุรีเชื่อว่าการลักลอบตัดไม้ครั้งนี้จะต้องมีการวางยาสลบคนในหมู่บ้าน เพราะต้นพะยูงขนาดใหญ่สองคนโอบต้องใช้เลื่อยยนต์ แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาคนในหมู่บ้านกลับหลับสนิท จนช่วงเช้าก็พบว่าไม้พะยูงที่ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ไว้นั้นถูกตัดหายไปแล้ว
นายธิติวัฒน์ ภารสมภพ ปลัดอำเภอยางตลาด กล่าวว่า จากการสำรวจพบไม้พะยูงที่ถูกเลื่อยยนต์ตัดเป็นท่อนเพื่อเตรียมขนย้าย มีท่อนปลาย 5 ท่อน โคนต้น 1 ท่อน และคาดว่าคนร้ายได้ขนย้ายส่วนของลำต้นไป 2 ท่อน ส่วนที่เหลือคาดว่าคนร้ายเอาไปไม่ทัน เพราะเป็นท่อนขนาดใหญ่ และกลัวชาวบ้านจะมาเห็น เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ยางตลาด เจ้าหน้าที่ป่าไม้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) ร่วมกันหาเบาะแสคนร้าย พร้อมกำชับผู้นำชุมชนสำรวจประชากรต้นพะยูงในพื้นที่ และจัดหน่วยลาดตระเวนในเวลากลางคืน เนื่องจากไม้พะยูงเป็นที่ต้องการของนายทุนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพราะมีราคาสูง จึงพบว่ามีการลักลอบตัดขยับเข้ามาในย่านชุมชนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม จากการลักลอบตัดไม้พะยูงริมถนนระหว่างหมู่บ้านครั้งนี้คาดว่าเป็นใบสั่งของนายทุน ที่อาศัยจังหวะช่วงกลางดึกที่ชาวบ้านเหน็ดเหนื่อยจากการเกี่ยวข้าว และอาจถึงขั้นวางยาสลบชนิดรมควัน นับว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจเย้ยกฎหมายมาก เป็นประเด็นที่เจ้าหน้าที่จะได้เร่งติดตามตัวแก๊งมอดไม้มาดำเนินคดีโดยเร็ว ก่อนที่ไม้พะยูงในป่าชุมชนหรือในหมู่บ้านจะถูกลักลอบตัดอีก