นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส.ยืนยันจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับลูกค้าจนถึงปลายปีนี้ แม้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็ตาม โดยระหว่างนี้ธนาคารจะเลือกเสียรายได้ 1,900 ล้านบาท เพื่อรับภาระแทนประชาชน และน่าจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยจริง ตั้งแต่ช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ย จะมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ 3 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าใหม่ที่จะกู้ได้วงเงินน้อยลง เนื่องจากต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้น 2. ลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียอยู่แล้ว และอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งอาจจะมีภาระการผ่อนไม่ไหว และ 3. กลุ่มลูกหนี้ปัจจุบันที่อาจจะมีภาระการผ่อนชำระหนี้มากขึ้น เพราะเงินงวดไม่พอตัดเงินต้นกับดอกเบี้ย
“แต่ขอให้ลูกค้าเข้าใจ อย่ากังวลเกินไปเมื่อดอกเบี้ยขึ้น และแนะนำให้ไปดูสัญญาเงินกู้ของตัวเองว่าเป็นอย่างไร หากเป็นสัญญาเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยคงที่ เช่น บ้านล้านหลัง ก็จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะอัตราดอกเบี้ยยังคงที่นานถึง 4 ปี แต่หากเป็นเงินกู้ผูกกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง อย่างไรก็ดี ธอส. มีนโยบายที่จะดูแลลูกหนี้ให้มากที่สุด เพราะมีการคำนวณเงินงวดที่มีความยืดหยุ่นรองรับไว้แล้วมากกว่าธนาคารทั่วไป”
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส. ประเมินว่าหากมีการปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.25% ลูกค้าของธนาคารจะได้รับผลกระทบมีเงินงวดผ่อนชำระเพิ่มขึ้น หลักพันบัญชี แต่หากปรับดอกเบี้ยขึ้น 0.50% จะมีลูกค้าได้รับผลกระทบหลักหมื่นบัญชี โดยลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว เป็นลูกค้าเงินกู้ต่ำกว่า 2 ล้านบาท การปรับอัตราชำระหนี้ก็จะไม่ได้เพิ่มสูงมาก
อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าห่วงสำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยเงินกู้ปรับเพิ่มสูง คือ สินเชื่อที่มีการให้วงเงินสูง แต่ยอดผ่อนต่ำ รวมถึงสินเชื่อที่มีเงินทอน ที่ให้เงินกู้มากกว่าหลักประกัน ธนาคารกังวลว่าจะเป็นกลุ่มที่ผ่อนต่อไม่ไหว โดยธนาคารแห่งประเทศไทยก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้
ส่วนความคืบหน้าขอกระทรวงการคลังขยายเวลาลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ทั้ง 4 แห่ง จาก 0.25% เหลือ 0.125% ซึ่งจะสิ้นสุดนั้น โดยกระทรวงการคลัง พร้อมพิจารณาในเรื่องดังกล่าวหากเป็นประโยชน์กับประชาชน
ขณะที่ผลการดำเนินงานปล่อยสินเชื่อของธนาคารนั้น ปัจจุบัน ณ วันที่ 20 ก.ย. สามารถปล่อยได้เชื่อได้แล้วกว่า 197,000 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ธนาคารว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 300,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน ขณะที่กำไรปีนี้มั่นใจจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ที่ 13,000-14,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้เสียปีนี้ จะปรับเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท จาก 59,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 68,000 ล้านบาท หรือ 4.41% โดยธนาคารมีการตั้งสำรองไว้อย่างเพียงพอแล้ว