ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 17 ประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก พร้อมลงพื้นที่รับทราบปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่งพรมแดนไทย-เมียนมา และเยี่ยมชมแปลงใหญ่อะโวคาโดที่ อ.พบพระ จ.ตาก
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอพบพระ จังหวัดตาก นางรุ่งรัตนา บุญ-หลง ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตที่ 17 ในฐานะประธานกรรมการธรรมาภิบาล (ก.ธ.จ.) จังหวัดตาก เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก ครั้งที่ 3/2565
โดย นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก มอบหมายให้ นายสมพงษ์ ฟุ้งทวีวงศ์ นายอำเภอพบพระ เข้าร่วมประชุม พร้อมกับ นายสบเกษม แหงมงาม รองประธานกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก ,คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก ,เกษตรจังหวัดตาก และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในฐานะผู้ดูแล สอดส่อง และชี้แนะส่วนราชการให้มีการใช้งบประมาณราชการอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์แท้จริง
โดยก่อนการประชุม ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบประกาศเกียรติบัตรให้แก่ ก.ธ.จ. และที่ปรึกษา ก.ธ.จ. ชุดที่ 3 ที่ดำรงตำแหน่งครบวาระ 3 ปี เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างธรรมาภิบาลในระบบราชขการไทยได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน ได้พิจารณาผลการสอดส่องแผนงาน/โครงการของภาครัฐ ที่ดำเนินการในพื้นที่อำเภอท่าสองยาง จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างลานกีฬาสนามฟุตบอล กว้าง 73 ยาว 110 เมตร ณ บ้านสวนอ้อย หมู่ที่ 9 ต.ท่าสองยาง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก งบประมาณ 1,450,000 บาท และโครงการซ่อมสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก สายทางแยกทางหลวง 105 ถึงหมู่ที่ 1 บ้านแม่หละไทย อ.ท่าสองยาง จำนวน 10 จุด ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาวรวม 3,200 เมตร งบประมาณ 10,603,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการ มีองค์การบริหารส่วน ตำบลท่าสองยาง เป็นหน่วยรับผิดชอบ โดยผลการดำเนินการสอดส่องฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
จากนั้นในช่วงบ่าย ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอำเภอพบพระ และคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดตาก ลงพื้นที่ติดตามปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่งในพื้นที่บ้านวาเล่ย์ ต.วาเล่ย์ และบ้านหมื่นฤาชัย ต.พบพระ อ.พบพระ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นตลิ่งแม่น้ำเมยฝั่งประเทศไทย รวมถึงเป็นพื้นที่พรมแดนระหว่างไทยกับเมียนมา โดยมีแม่น้ำเมยเป็นเส้นแบ่งประเทศ ทั้งนี้ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับทราบและรวบรวมปัญหาข้างต้น สำหรับนำไปเป็นข้อมูลนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป
หลังจากนั้น ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะฯ ได้เดินทางไปสอดส่องโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ แปลงใหญ่อะโวคาโด (สวนวังพลากร) ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดตาก ร่วมกับศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตาก และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณ ปัจจัยการผลิต รวมถึงจัดฝึกอบรมให้ความรู้แก่กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ โดยมีแผนพัฒนาอะโวคาโด พันธุ์ดีของจังหวัดตากให้เป็นมาตรฐานออกสู่ตลาด และส่งเสริมการรับรองมาตรฐาน GAP , ตากการันตี , ดำเนินการขอรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียน และพันธุ์พืชรับรองอะโวคาโด “พบพระ 08” และ “พบพระ 14” ตลอดจนผลักดันให้อะโวคาโด เป็นพืชอัตลักษณ์ (GI) ของจังหวัดตาก ด้วย
สำหรับกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่อะโวคาโดพบพระ มีสมาชิกจำนวน 50 ราย พื้นที่ 426 ไร่ ซึ่งทางกลุ่มได้เปลี่ยนยอดเป็นพันธุ์ดีทั้งหมด และกำลังทยอยให้ผลผลิต และทางกลุ่มได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรจังหวัดตาก ผลักดันอะโวคาโด “สายพันธุ์พบพระ 08” ซึ่งเป็นสายพันธุ์พื้นเมืองที่ผ่านการคัดเลือกจากทางกลุ่ม โดยเป็นสายพันธุ์ที่มีรสชาติคล้ายสายพันธุ์แฮส เมื่อสุกจะมีการเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง เนื้อสีเหลืองอำพัน เนื้อเนียน เหนียวมัน แห้ง ไม่มีเสี้ยน และไม่มีจุดดำ ลำต้นแข็งแรงเจริญเติบโตได้ดี ทนทานต่อโรค อีกด้วย
ทีมข่าว จ.ตาก