ครม. อนุมัติ แก้ปัญหาพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัย-ภัยแล้ง 6,364 ครัวเรือน “โครงการแก้ภัยแล้งและเครื่องสูบน้ำแบบชนิดเคลื่อนที่เร็ว” เพิ่มประสิทธิภาพการะบายน้ำ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ ช่วยเหลือประชาชนพื้นที่เสี่ยง
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อการอุปโภคบริโภค และโครงการจัดหาเครื่องสูบน้ำแบบชนิดเคลื่อนที่เร็วของกรมชลประทาน ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช) เสนอเพื่อดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการะบายน้ำ และเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และเพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงการเกิดอุทกภัยและภัยแล้ง
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า โครงการดังกล่าว มุ่งแก้ไขปัญหาภัยแล้งและลดผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่เสี่ยง มีรายละเอียดของโครงการดังนี้
1. โครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพื่อการอุปโภคบริโภค ด้วยระบบ Water Treatment System เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นการสร้างระบบผลิตน้ำประปาที่สามารถบำบัดค่าความเป็นกรด - ด่าง ความขุ่นและสีที่ปรากฏของน้ำ ตลอดจนสารในน้ำให้ได้คุณภาพตามมาตรฐาน เพื่อผลิตน้ำประปาสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยกำหนดให้ดำเนินการในบริเวณที่มีความพร้อมในการดำเนินการใน 6 อำเภอของ จ.สุพรรณบุรี ได้แก่ อ.สามชุก อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง อ.หนองหญ้าไซ อ.เดิมบางนางบวช และ อ.ศรีประจันต์
2. โครงการจัดหาเครื่องสูบน้ำแบบชนิดเคลื่อนที่เร็ว ขับด้วยระบบ ไฮดรอลิค ขนาดท่อส่งไม่น้อยกว่า 42 นิ้ว จำนวน 30 เครื่อง โดยกรมชลประทานจะบริหารจัดการให้มีการหมุนเวียนไปในพื้นที่ที่มีความจำเป็นต่อไป
“รัฐบาลมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะจัดการปัญหาภัยแล้งและป้องกันอุทกภัยให้กับเกษตรกรและพี่น้องประชาชน น้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภคเป็นปัจจัยสำคัญทั้งการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ส่วนความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมนั้นเป็นเรื่องที่สามารถป้องกันได้โดยต้องบริหารจัดการน้ำให้ทันต่อสถานการณ์
ซึ่ง 2 โครงการนี้ ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติคาดว่าจะมีครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์ ประมาณ 6,364 ครัวเรือน รวมถึงสามารถสนับสนุนการป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาภัยพิบัติอุทกภัย ภัยแล้ง หรือภัยอื่นๆ อันเกิดจากน้ำได้ทันต่อสถานการณ์ด้วยงบประมาณ 796.95 ล้านบาทจากงบกลางของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565” น.ส.ทิพานัน กล่าว