สะพานท่าเทียบเรือเกาะพีพี หมู่ที่ 7 บ้านเกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ กรมเจ้าท่าได้สร้างเพื่อทดแทนสะพานสาธารณะเดิมที่ถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดพัง เป็นท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์มุ่งหารายได้และกำไรจากการบริหารจัดการ เป็นท่าเรือขนาดใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนด้วยงบ 300 ล้านบาท ที่ถูกตัดเหลือ 90 ล้านบาท เป็นสะพานคอนกรีตสองแขนสองขายื่นลงไปในทะเล สำหรับเรื่อท่องเที่ยวขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้าเท่านั้น ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุโดยกรมธนารักษ์ดูแลรับผิดชอบ มาเป็นท่าเรือโดยสารเพื่อการท่องเที่ยว องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนางซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่เกาะพีพี จำเป็นต้องเช่าเพียงดูแลรักษาประโยชน์สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบลปี 2537 และได้ผลักดันสะพานนี้ให้เป็นสะพานท่าเทียบเรือสาธารณะ
ซึ่งคณะอนุกรรมการวินิจฉัยกฎหมายที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดกระบี่ เห็นด้วยให้กรมเจ้าท่าส่งหนังสือแจ้งกรมธนารักษ์ ให้ปรับเปลี่ยนประเภทท่าเรือ จนถึงปัจจุบันทั้งสองกรมยังมีปัญหากัน กรมธานรักษ์เดินหน้าให้เอกชนประมูลเข้าบริหารจัดการท่าเรือเกาะพีพี แต่ถูกผู้ประกอบการและชาวบ้านเกาะพีพีคัดค้านเป็นอันต้องยกเลิกไป วันที่ 23 พฤษภาคม 2564 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีการโอนท่าเทียบเรือเกาะพีพีให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนถุงปัจจุบันยังไม่มีการถ่ายโอนแต่อย่างใด
ขณะนี้สะพานท่าเรือเกาะพีพีมีสภาพชำรุดทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าตัวพื้น สะพาน โป๊ะเทียบเรือสปีดโบ๊ท ตัวอาคาร ไฮดรอลิกปรับโป๊ะที่จอกเรือขนาดใหญ่ไม่สามารถใช้การได้ ต้องใช้โซ่คล้องไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะโป๊ะจอดเรือสปีดโบ๊ทพงัไม่สามารถใช้การได้เลยรอวันที่จะลมลงสู่พื้นที่ท้องทะเล ซึ่งจุดนี้ก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวหลายคนได้เดินแล้วพื้นเหล็กที่ขึ้นสนิมหัก ทำให้นักท่องเที่ยวถูกเหล็กสนิททิมแทงจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว ปั๗จบันองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ปิดไม่ให้ใช้โป๊ะพื้นที่นี้ และไม่สามารถซ้อมแซมได้เนื่องจากขัดกับระเบียบกฎหมายและประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจ
จากปัญหาดังกล่าวข้างต้นด้านนายไกรศร มุริกะบัตร ผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊สบริษัทพีพีสบายมารีน บ้านเกาะพีพี หมูที่ 7 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เกี่ยวกับเรือสปีดโบ๊ทที่วางทรานเฟอร์จากเกาะพีพีไปภูเก็ต ได้รับความเดือดร้อนสะพานท่าเทียบเรือเกาะพีพี โดยเฉพาะที่โป๊ะสำหรับจอดเรือสปีดโบ๊ทเปิดการชำรุดทรุดโทรมมานานมากแล้ว ซึ่งหน่วยงานที่ก่อสร้างและรับผิดชอบสะพาน ไม่ได้มีการบำรุงรักษาซ้อมแซม มีนักท่องเที่ยวได้หล่นลงไปและได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคนที่ต้องนำส่งโรงพยาบาลบ้านเกาะพีพี และลูกค้าได้มาคอมเพลนกับบริษัทว่าทำไมเป็นอย่างนี้เกาะพีพีเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก อยากจะให้หน่วยงานของท้องถิ่นหรือกรมเจ้าท่าหรือกรมธนารักษ์ ได้มาดูแลเพราะว่าในช่วงนี้ไม่ได้ลงมาดูแลกัน สรุปว่าอยากให้ท้องถิ่นได้มาบำรุงรักษาดูแลและซ้อมแซม แต่ได้รับคำตอบว่าขณะนี้อยู่ในความรับผิดชอบของสองกรมดังกล่าว ซึ่งในส่วนนี้อยากให้ทั้งสองกรมเข้ามาซ้อมแซม และอยากให้เคลียกับท้องถิ่นว่าจะทำกันอย่างไร หรือจะมอบให้กับท้องถิ่นเข้ามาดูแลเพราะเขามีงบประมาณในการจัดการในส่วนต่างๆเหล่านี้อยู่แล้ว
นายไกรศร กล่าวอีกว่า ซึ่งตนได้สอบถามไปทางท้องถิ่นเขาว่าเขามีงบประมาณแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมันผิดระเบียบของหน่วยงาน เพราะทั้งสองกรมนี้ยังไม่ได้ส่งมอบท่าเรือเกาะพีพีให้กับท้องถิ่น ตนอยากให้สามหน่วยงานนี้ได้หาข้อสรุปกันว่ากรมเจ้าท่าจะมาซ้อม หรือให้ท้องถิ่นเข้ามาซ้อมขอให้เร่งดำเนินการหน้าทัวร์กำลังใกล้เข้ามา จริงๆแล้วกรมธนารักษ์น่าจะส่งมอบให้กับท้องถิ่นดูแลทั้งหมด ถ้ากรมยังเฉยๆอยู่มาหลายปีแล้ว ขอให้หน่วยงานภาครัฐหาข้อสรุปว่าจะเอากันอย่างไร เกาะพีพีเก็บรายได้อะไรต่างๆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวในระดับโลก ซึ่งความสวยงามและท่าเรือจะต้องดูดีก่อนนักท่องเที่ยวมาถึงเกิดความประทับใจ ไม่ใช้ลงจากเรือแล้วไปสะดุดได้รับบาดเจ็บเดินกะแผกๆแล้วไปลงในโลกออนไลน์ ไม่ใช่ให้นักท่องเที่ยวไปพูดว่าเกาะพีพีติดอันดับโลกอย่างนี้แล้ว ในต่างประเทศเมือลงจากเรือจะเห็นความโดดเด่นของท่าเรือก่อน
นายไกรศร กล่าวในตอนท้ายว่า อยากจะให้กรมเจ้าท่า กรมธนารักษ์ เข้ามาดูแลว่าจะเอากันอย่างไรแล้วตกลงกับท้องถิ่นว่าจะเอากันอย่างไร ไม่ใช้ว่าพอท้องถิ่นจะซ้อมก็ไม่ให้ซ้อม เพราะว่าระเบียบมันไม่ถูกต้องของหน่วยงานราชการ ทั้งสองกรมถ้ามีงบประมาณก็เข้ามาซ้อมทำให้มันสวยงามเสียหรือมาคุยกันให้ลงตัวเสียว่าใครจะดูแลในส่วนนี้กันแน่ ฝากไปยังหน่วยงานภาครัฐให้ดูแลผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วปลอดภัยสนุกสนานมีความสุขกลับไป ไม่ใช่เดินขากะเผกกลับไปมีรอยเย็บรอยช้ำกลับไป
ทางนายวัน เบ่งเอียด ราษฎรบ้านเกาะพีพี หมู่ที่ 7 ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนเกาะพีพีอยากให้พีพีมันดีขึ้นเกี่ยวกับสะพานท่าเรือ ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 มา 2 ปีได้อยู่ที่ท่าเรือ พบความยากลำบากของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาบนเกาะพีพี นักท่องเที่ยวจะบนเรื่องท่าเรือในการขึ้นและลงลำลาก จากเรือลงมายังท่าเรือ อยากให้กรมธนารักษ์และกรมเจ้าท่า ให้มาซ้อมแซมถ้าทำไม่ได้ก็โอนให้ท้องถิ่นไปจัดการ หรือว่าองค์การบริหารส่วนตำบล หรือหน่วยงานใดก็แล้วแต่ที่อยู่ในท้องถิ่นและเป็นหน่วยงานของรัฐ ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้อย่าลืมว่าเกาะพีพีมีหน้ามีตา นักท่องเที่ยวต่างชาติต่างมาเที่ยวเกาะพีพีกันเป็นจำนวนมาก เมื่อมาเห็นสะพานท่าเรือโดยเฉพาะโป๊ะจอดเรือสปีดโบ๊ทใช้ไม่ได้ ตนเคยคัดค้านผู้ที่มาก่อสร้างในครั้งแรกว่ามันใช้ได้กี่ปีซึ่งได้รับคำตอบว่าใช้ได้ตลอดไป ผลสุดท้ายใช้ได้ไม่นานมันพังหมดแล้ว ไฮรอริคที่ใช้ขึ้นลงท่าเรือขนาดใหญ่พังหมดใช้การไม่ได้ ต้องใช้โซ่โยง เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นเรือใหญ่มาจอดให้ผู้โดยสารลง ต้องรอดโครงสร้างเหล็กราว บางคนศีรษะไปกระทกได้รับบาดเจ็บถึงขั้นแตก
อยากให้ทั้งสองกรมนี้โอนมาให้ท้องถิ่นเสียเขาจะได้ปรับปรุงให้มีความสวยงามและปลอดภัย มีหน้ามีตากับจังหวัดกระบี่ของเรา เพราะว่าเมื่อได้รับผลกระทบไม่ใช่เกาะพีพีอย่างเดียวมันกระทบจังหวัดกระบี่ด้วย ขณะนี้ทั้งสองหน่วยงานโอยกันไปโยนกันมาว่าต่างฝ่ายต่างไม่บำรุงรักษาและซ้อมแซม ถ้าจะให้องค์การบริหารส่วนตำบลหรือท้องถิ่น เอางบประมาณมาซ้อมแซมมันผิดระเบียบ อยากถามว่านักท่องเที่ยวที่เดินและขึ้นลงจากเรือลงบนท่าเรือทุกวันนี้ เขาไม่รู้หลอกว่าสะพานท่าเรือเกาะพีพีเป็นของหน่วยงานใดรับผิดชอบ ขณะนี่เสาไฟส่องแสงสว่างสายไฟโยงไปมาเหมือนเส้นขนมจีนหมดแล้ว ตนอยากให้หน่วยงานของรัฐหน่วยใดก็ตามเข้ามาดำเนินการ แต่อย่าให้เอกชนเข้ามาดำเนินการเพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเกาะพีพีตาดำๆ อนาคตตนอาจจะอยู่ได้ไม่นานแต่ลูกหลานที่อยู่เกาะพีพีจะได้รับความยากลำบากไปทันที ทุกสิ่งทุกอย่างต้องลำบากแน่ ขอฝากสื่อเสนอไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบมาช่วยดูแลหน่อย เพราะสะพานท่าเรือเกาะพีพีมันเป็นเหมือนกับที่เขาว่าจริงหรือไม่ ขอให้มาดูสักทีอย่านั่งอยู่แต่ห้องแอร์นั่งเรือลงมาตรวจสอบดูของจริง นักท่องเที่ยวเขาลำบากในการขึ้นและลงเรืออย่างไร กระเป๋าลากจูงของนักท่องเที่ยวพังหมดแล้วล้อจะติดร่องเหล็กพื้นที่ชำรุด
ทีมข่าวกระบี่