ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยถึงการวางแผนรับน้ำว่า จังหวัดปทุมธานีต้องรับมือกับน้ำ 3 ส่วน แบ่งเป็น น้ำเหนือ น้ำฝน และ น้ำทะเลหนุน ในส่วนของน้ำเหนือที่เฝ้าระวังอยู่จุดใหญ่ 2 จุด ในขณะนี้ คือ น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา และน้ำจากทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบัน น้ำจากเขื่อนที่ระบายลงมาอยู่ในระดับที่สามารถรับมือได้ประมาณ 2,500 ลบ.ม./วินาที จะทำให้น้ำอยู่ในระดับความสูง ราว 2.7 เมตร ซึ่งคันกั้นน้ำของจังหวัดปทุมธานี มีความสูง 3 เมตร พร้อมกับได้เตรียมกระสอบทรายไว้อุดช่องโหว่ต่างๆ ถึงแม้จะไม่อาจป้องกันพื้นที่เขตเศรษฐกิจไว้ได้ทั้งหมด
เนื่องจากมีประชาชน ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำอีกกว่า 5,000 ครัวเรือน ต้องประสบปัญหาน้ำท่วม โดยทางจังหวัดได้ดูแลในส่วนนี้ ตั้งแต่เนิ่นๆ โดยทำสะพาน แจกถุงยังชีพ ส่งบริการทางการแพทย์ เข้าไปถึงที่ ดูแลสอบถามทุกข์สุขอย่างต่อเนื่อง สำหรับน้ำจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หากผ่านเข้ามาถึงเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี โดยเฉพาะทางอำเภอสามโคก และ อำเภอลาดหลุมแก้วแล้ว จะมาอย่างรวดเร็ว จึงได้ให้ทำคันกั้นน้ำตามคลองต่างๆให้สูงขึ้น จากระดับคลองเดิมประมาณ 50 ซม.
นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ยังได้เน้นย้ำถึงปริมาณน้ำ ที่เข้ามาจากแนวด้านข้างทางฝั่งตะวันออก ที่มีการปล่อยน้ำเข้า
มาเพิ่มที่คลองรังสิต ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ในห้วงเวลาที่มีปริมาณน้ำฝนสูงมาก เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยไม่ได้มีคนแจ้งและประสานให้ทางจังหวัดรับรู้ จนเกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลนครรังสิต เป็นวงกว้างนั้น จะต้องไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีก พร้อมขอความร่วมมือชะลอการปล่อยน้ำในช่วงนี้ โดยขอให้ปล่อยไปตามธรรมชาติก่อน เนื่องจากส่งผลต่อระดับน้ำคลองรังสิตที่จะสูงขึ้น กระทบการพร่องน้ำคลองรังสิตออก เพื่อรองรับน้ำฝนโดยเฉพาะช่วงที่มีพายุเข้ามา ทั้งนี้หากจำเป็นขอให้แจ้งมาให้ทราบล่วงหน้าก่อน เพื่อการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบยิ่งขึ้น
สมเกียรติ ทรัพย์เฉลิม / หน.ข่าวภูมิภาค